How to Help Employees With Disabilities Thrive | The Way We Work, a TED series

All around the world,

Translator: Nunnaphat Khananai Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

ทั่วทุกมุมโลก

there's a huge disability employment gap.

ช่องว่างการจ้างงาน ของผู้พิการนั้นกว้างมาก

In most countries,

ในประเทศส่วนใหญ่

the unemployment rate for people with disabilities

อัตราการว่างงานของผู้พิการนั้น

is twice that of people without disabilities.

เป็นสองเท่าของคนปกติ

Often it's as high as 80 percent.

บ่อยครั้งมันสูงถึง 80 เปอร์เซ็นต์

There are over a billion people in the world living with a disability.

มีคนที่มีความพิการมากกว่าพันล้านคน อาศัยอยู่ในโลกนี้

To have 80 percent of us unemployed,

การที่พวกเรา 80 เปอร์เซ็นต์ว่างงาน

that's so much untapped potential.

นั่นมากเกินไปสำหรับศักยภาพที่ไม่ได้ใช้

[The Way We Work]

[วิถีทำงาน]

As someone with a paralyzed arm and living with a mental health disability

ในฐานะคนหนึ่งที่แขนเป็นอัมพาต และมีสภาวะพิการด้านสุขภาพจิต

who's worked in the financial sector and entertainment and tech,

คนที่ทำงานด้านการเงิน บันเทิง และเทคโนโลยี

I know that having a disability doesn't bar you from doing good work.

ฉันทราบว่าความพิการ ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานที่ดี

So it's shocking to me that this disability employment gap

ฉันจึงตกใจว่า ช่วงห่างของการจ้างงานด้านความพิการนี้

is so persistent.

ยังคงมีอยู่มาก

In the US, the Americans with Disabilities Act

ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายความพิการของคนอเมริกัน

prohibits discrimination in hiring

ห้ามการเลือกปฏิบัติในการจ้างงาน

and requires employers to provide reasonable accommodations.

และกำหนดให้ผู้ว่าจ้าง จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกให้ตามสมควร

And studies show that companies who prioritize disability inclusion

และจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่า บริษัทที่ให้ความสำคัญกับความพิการด้วย

are more profitable overall.

จะสามารถมีกำไรโดยรวมมากขึ้นได้

So what exactly is the problem?

ดังนั้น ปัญหาจริง ๆ คืออะไรล่ะ

Recruiters, human resources staff, managers,

นายหน้า พนักงานฝ่ายบุคคล ผู้จัดการ

they tend to think of hiring people with disabilities as a social good

พวกเขามักจะคิดว่าการจ้างงานผู้พิการ เหมือนเป็นการทำความดีทางสังคม

or as something they have to do to meet a quota.

หรือเป็นสิ่งที่เขาต้องทำ เพื่อให้ได้ตามเป้า

But they should be hiring disabled people because of our strengths

แต่เขาควรจ้างงานผู้พิการ เพราะจุดแข็งของพวกเรา

and all of the value and innovation we can bring.

ทั้งคุณค่าและนวัตกรรม ที่เราสามารถทำได้

Here are three things every workplace can do

นี่คือสามสิ่งที่ในทุกที่ทำงานสามารถทำได้

to truly welcome people with disabilities.

เพื่อเปิดรับผู้พิการอย่างแท้จริง

It's not comprehensive, but it's a start.

มันไม่ครอบคลุม แต่เป็นการเริ่มต้น

First, stop making assumptions.

อย่างแรก หยุดตั้งสมมติฐานต่าง ๆ

Our culture tends to treat disability as a medical diagnosis,

วัฒนธรรมเรามักมองความพิการ เป็นเพียงการวินิจฉัยทางการแพทย์

a tragedy or a charity case.

โศกนาฏกรรม หรือในกรณีการกุศล

And all of these things are rooted in pity.

และสิ่งเหล่านี้ล้วนมีรากฐานมาจากความสงสาร

They prevent us from being seen as peers and equals.

มันกั้นไม่ให้เราถูกมอง ว่าเป็นเพื่อนและเสมอภาค

These assumptions lead to a lot of avoidance.

สมมติฐานเหล่านี้นำไปสู่การเลี่ยง

People tend to not ask us about our lives and hobbies outside of work

คนมักไม่ถามเรื่องชีวิต และงานอดิเรกนอกเวลางานของเรา

or don't invite us to company social outings.

หรือไม่ชวนเราเข้าสังคมของบริษัท

There's so much fear about saying the wrong thing,

มีความกลัวที่จะพูดอะไรผิดไป

that instead people say nothing at all.

จนเขาเหล่านั้นไม่พูดอะไรเลย

They treat disabled people like we're invisible

พวกเขาปฏิบัติต่อผู้พิการ เหมือนพวกเราไร้ตัวตน

when all we want is to be seen and heard and accepted

ที่เราทุกคนต้องการคือ การมีตัวตน รับฟัง และได้รับการยอมรับ

like anyone else.

เหมือนคนอื่น ๆ

These assumptions also make people jump to conclusions

สมมติฐานเหล่านี้ยังทำให้คนด่วนสรุป

about what we can and can't do without even asking.

เรื่องที่เราทำได้หรือไม่ได้โดยไม่แม้จะถาม

For me, assuming I can't type because I can't use one of my arms

สำหรับฉัน สมมติว่าฉันไม่สามารถพิมพ์ได้ เพราะแขนข้างใดข้างหนึ่งใช้การไม่ได้

or assuming a blind person can't be an engineer.

หรือสมมติว่า คนตาบอดไม่สามารถเป็นวิศวกรได้

When to succeed at work, you need to have people who see your full potential

หากจะสำเร็จในการทำงาน คุณต้องมีคนที่เห็นศักยภาพคุณแบบเต็มรูปแบบ

because without that, nobody wins.

เพราะถ้าไม่ ก็จะไม่มีใครไปถึงจุดหมาย

So please, take the time to get to know us, invite us to things,

ดังนั้น โปรดใช้เวลาทำความรู้จักพวกเรา ชวนเราเข้าสังคม

ask us the same kind of questions you would of any colleague.

ถามเราเหมือนกับที่คุณจะถาม เพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ

What drew you to this work? What are your goals?

ทำไมคุณสนใจงานนี้ เป้าหมายของคุณคืออะไร

What do you hope to do from here?

จากนี้ไปคุณหวังว่าจะทำอะไร

And listen to our answers but also respect our boundaries.

และรับฟังคำตอบของเรา แต่ก็เคารพขอบเขตของเราด้วย

If there's something we're not comfortable discussing,

ถ้ามีเรื่องที่เราอึดอัดที่จะพูดคุย

we'll let you know.

เราจะบอกให้คุณทราบ

And any time you feel unsure, just ask us privately

และเมื่อไหร่คุณรู้สึกไม่แน่ใจ แค่ถามเราแบบส่วนตัว

so we can make those decisions.

เพื่อเราจะสามารถตัดสินใจได้

You can even start by saying,

คุณสามารถเริ่มโดยเกริ่นนำว่า

"I'm still learning how to get better at talking about disability."

“ฉันกำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้ วิธีการพูดคุยเกี่ยวกับความพิการให้ดีขึ้น”

Second, rethink accessibility and accommodations starting now.

ประการที่ 2 ทบทวนการเข้าถึง และสิ่งอำนวยความสะดวกเริ่มจากนี้

Disability takes so many different forms.

ความพิการมีหลากหลายรูปแบบ

It can be about someone's sight, hearing or mobility.

อาจเป็นเรื่องการมองเห็น การได้ยิน หรือการเคลื่อนไหว

It can be ADHD, dyslexia or chronic pain.

อาจเป็นโรคสมาธิสั้น การเรียนรู้ผิดปกติ หรืออาการปวดเรื้อรัง

About 62 percent of employees with disabilities

ประมาณ 62 เปอร์เซ็นต์ของลูกจ้างผู้พิการ

have ones that are not apparent.

มีความพิการที่ไม่ปรากฎชัดเจน

So even if you don't think there are people with disabilities

ดังนั้น แม้คุณไม่คิดว่ามีพนักงานผู้พิการ

in your organization, there probably are.

ในองค์กรของคุณ แต่อาจจะมีอยู่ก็ได้

And that's why I strongly recommend that workplaces create spaces

และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงอยากจะแนะนำ ที่ทำงานให้สร้างพื้นที่

with disability and accessibility in mind.

ที่คำนึงถึงความพิการและการเข้าถึง

That way you're paving the way for future employees,

นั่นเป็นการปูทางสำหรับลูกจ้างในอนาคต

clients and customers

และลูกค้า

who might benefit from accommodations, too.

ที่อาจได้รับประโยชน์จาก สิ่งอำนวยความสะดวกด้วยเช่นกัน

At one of my first jobs at an investment bank,

ในงานแรก ๆ ของฉันที่ธนาคารเพื่อการลงทุน

the company did something cool.

บริษัทได้ทำบางอย่างที่เจ๋งมาก

Within a month of starting, I and all other new hires

ในเดือนที่เริ่มงาน ฉันและลูกจ้างใหม่ทุกคน

got an ergonomic assessment of our workstations.

มีการประเมินสภาพแวดล้อมการทำงาน ของหน่วยงานเรา

They actually had a person thinking about my access needs in multiple ways,

พวกเขามีคนที่คำนึงถึงเรื่องความต้องการ ในการเข้าถึงของฉันในหลายๆด้านจริงๆ

like getting a foot rest and keyboard wrist pad,

เช่น ได้รับที่พักเท้า และแผ่นรองข้อมือคีย์บอร์ดๅ

which a lot of colleagues got,

ซึ่งเพื่อนร่วมงานหลายคนมี

to asking if I might benefit from speech to text technology

ถามว่าเทคโนโลยีการพิมพ์ด้วยเสียง อาจเป็นประโยชน์ต่อฉันหรือไม่

because I type with one hand.

เนื่องจากฉันพิมพ์ด้วยมือเดียว

I've always tried to find these little hacks

ฉันพยายามหาเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆนี้มาโดยตลอด

to make my work environment more comfortable,

เพื่อทำให้สภาวะการทำงานของฉันสะดวกมากขึ้น

but the fact that this person offered so many options proactively,

แต่ความจริงคือ เขาได้เสนอตัวเลือกมาให้หลายอย่าง

it made me feel so welcome

มันทำให้ฉันรู้ถึงความเป็นมิตร

without making me feel like my needs were "special."

โดยไม่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่า ความต้องการของฉัน “พิเศษ”

It would be amazing if every employer could do some version of this.

มันจะวิเศษมาก ถ้านายจ้างทุกคน จะสามารถทำแบบนี้ได้บ้าง

I mean, why not?

ฉันหมายถึง ทำไมจะไม่ล่ะ

But there are also more simple things that can make an impact.

แต่ก็ยังมีเรื่องง่าย ๆ อีกมาก ที่อาจสร้างผลกระทบได้

Like, what about listing accessibility information

เช่น การแสดงรายการข้อมูลการเข้าถึง

if you're hosting an event?

ถ้าคุณกำลังจัดกิจกรรมล่ะ

Or automatically turning on captions for video meetings?

หรือเปลี่ยนคำบรรยาย การประชุมออนไลน์โดยอัตโนมัติ

Another way to think about this is:

วิธีคิดอีกอย่างคือ:

What do my employees need in order to thrive?

ลูกจ้างต้องการอะไรเพื่อจะประสบความสำเร็จ ในการทำงาน

It starts with equipping people with a variety of tools.

เริ่มด้วยการจัดหาเครื่องมือต่าง ๆ ให้กับคนงาน

Third, embrace flexibility,

ประการที่สาม เปิดรับความยืดหยุ่น

like disabled people have had to do our whole lives.

เช่นเดียวกับที่ผู้พิการต้องทำตลอดทั้งชีวิต

People with disabilities have been advocating for remote work environments

ผู้พิการได้สนับสนุน รูปแบบการทำงานระยะไกล

and flexible hours for decades now,

และชั่วโมงงานที่ยืดหยุ่นมานานหลายทศวรรษ

and it took a pandemic for the world to realize it could happen.

และทั่วโลกเกิดโรคระบาดใหญ่ เพื่อให้ตระหนักว่า อะไรก็เกิดขึ้นได้

All of a sudden, this thing that seemed so wild

ทันใดนั้นสิ่งนี้ที่ดูเลวร้าย

has become commonplace.

ก็เป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว

And this isn't the first time I can think of

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันนึกถึง

when an accommodation for people with disabilities

สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการ

ended up improving life for society at large.

ได้ช่วยพัฒนาชีวิตสำหรับสังคมโดยรวม

Audiobooks, curb cuts, closed captioning, even electric toothbrushes.

หนังสือเสียง ทางลาดสำหรับผู้พิการ คำบรรยาย แม้แต่แปรงสีฟันไฟฟ้า

Disability is so often the root of innovation.

บ่อยครั้งความพิการเป็นรากฐานของนวัตกรรม

So as we get back to the office,

ดังนั้นเมื่อเรากลับไปที่สำนักงาน

let's remember that all of us can thrive with flexibility.

จำไว้ว่า พวกเราทั้งหมด สามารถเติบโตได้อย่างยืดหยุ่น

For people with disabilities,

สำหรับผู้มีความพิการ

let's provide the option to work remotely

เรามาเสนอทางเลือกที่จะทำงานระยะไกลกันเถอะ

at the hours when we can be the most productive

ในช่วงเวลาที่เราจะทำงาน ได้มีประสิทธิผลมากที่สุด

from wherever works best.

จากที่ไหนก็ได้ทุกที่ที่เหมาะสม

I mean, some of us do great working from our bed.

ฉันหมายถึง พวกเราบางคน ทำงานได้ดีมากจากเตียงของเรา

And really, let's hold on to the openness that we can work around everyone's needs.

จริงแล้ว เราควรยึดหลักเปิดกว้าง ซึ่งเราสามารถตอบสนองให้กับทุกคนได้

Let's keep finding ways to embrace flexibility

มาหาวิธีที่จะเปิดรับความยืดหยุ่น

as part of our company's culture.

ให้เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเราต่อไป

We know that companies need to work harder on hiring us, retaining us,

เรารู้ว่าบริษัทต้องทำงานหนักขึ้น ที่ทำการจ้างเรา รักษาเราไว้

promoting us, paying us fairly and amplifying our efforts.

สนับสนุนเรา จ่ายเราอย่างเท่าเทียม และส่งเสริมความพยายามของเรา

To do that, we need to stop making assumptions,

การจะทำอย่างนั้น เราต้องหยุดการตั้งสมมติฐาน

rethink accessibility and embrace flexibility.

คิดทบทวนเรื่องการเข้าถึง และเปิดรับความยืดหยุ่น

That is what will help close the disability employment gap.

นั่นคือสิ่งที่จะช่วยปิดช่วงห่าง เรื่องการจ้างงานด้านความพิการ