Curiosity, discovery and gecko feet - Robert Full

ความใคร่รู้ การค้นพบ และตีนจิ้งจก - โรเบิร์ด ฟูลล์ (Robert Full)

Transcriber: Andrea McDonough Reviewer: Bedirhan Cinar

Translator: Kelwalin Dhanasarnsombut Reviewer: Unnawut Leepaisalsuwanna

Nearly every one of your science classes

ในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์เกือบทุกที่

starts off with the scientific method.

เริ่มต้นที่วิธีการทางวิทยาศาสตร์

You recognize this?

จำนี่ได้ไหมครับ

Ask a question,

form a hypothesis,

ตั้งคำถาม

กำหนดสมมติฐาน

perform an experiment,

ทำการทดลอง

collect data,

บันทึกผลการทดลอง

draw conclusions,

สรุปผลการทดลอง

and then memorize a bunch of facts.

จากนั้นก็จดจำข้อเท็จจริง

This is really boring!

นี่มันน่าเบื่อมากเลย

Science is not a simple recipe in a cookbook,

วิทยาศาสตร์ไม่ได้เรียบง่ายเหมือนตำราทำอาหาร

and learning is not memorizing facts for tests.

และการเรียนรู้ก็ไม่ใช่ การจดจำข้อเท็จจริงจากการทดลอง

Yet, that is exactly what we do.

แต่ นั่นก็เป็นสิ่งที่เราทำกันจริงๆ

We have to change this!

เราต้องเปลี่ยนแปลง

We have to look at how curiosity can ultimately benefit society

เราต้องมองว่า ความสงสัยใคร่รู้จะส่งผลประโยชน์ สูงสุดต่อสังคมได้อย่างไร

by looking towards tomorrow,

โดยการมองสู่วันพรุ่งนี้

by going through a path from involvement

โดยเดินไปตามเส้นทางจากความร่วมมือ

to imagination

สู่จินตนาการ

to invention

สู่ประดิษฐกรรม

to innovation.

สู่นวัตกรรม

And I'd like to illustrate this by telling you the real story

และผมอยากให้คุณเห็นภาพจากเรื่องจริง

about how we discovered how geckos stick.

ว่าพวกเราค้นพบการเกาะติดของจิ้งจกได้อย่างไร

First you need to get involved.

ขั้นแรก คุณต้องการความร่วมมือ

You need to do curiosity-driven research yourself.

คุณต้องทำการวิจัยเพื่อ ผลักดันความสงสัยใคร่รู้ด้วยตัวคุณเอง

We know that learning by being an active researcher

เรารู้ว่า การเรียนรู้โดยลงมือเป็นผู้ค้นคว้าเองนั้น

is the best way to learn.

เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเรียนรู้

Imagine being in my lab

ลองจินตนาการว่าอยู่ในห้องแลปของผม

and trying to discover how geckos stick.

พยายามที่จะค้นหาว่าจิ้งจกเกาะติดได้อย่างไร

"Here is one of our subjects.

"นี่เป็นหัวข้อนึงของเรา

This is a crested gecko.

นี่เป็นจิ้งจกหนาม

We are going to put the gecko on glass

เรากำลังจะจับมันไปวางบนกระจก

and we're going to use a high speed camera

และเรากำลังจะใช้กล้องความเร็วสูง

that can capture up to 1,000 pictures in one second.

ที่สามารถจับภาพได้ถึง 1,000 ภาพต่อวินาที

There he goes.

เอาเลย

OK, record it.

โอเค ถ่ายไว้ละ

There's the animal's toes."

นั่นเป็นนิ้วเท้าของมัน"

"So how do their feet stick and unstick so quickly?"

"แล้วทำไมเท้ามันถึงเกาะ แล้วหลุดออกมาได้เร็วจังหล่ะ"

How <i>do</i> they do this?

พวกมันทำได้ยังไง

We wonder, it's kind of crazy, right?

พวกเราสงสัย มันค่อนข้างบ๊อง ใช่ไม๊

It's hard to believe.

ยากที่จะเชื่อ

Well it turns out, it was already known that the geckos have hairy toes,

ปรากฎว่า มันเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า จิ้งจกมีเท้าที่เป็นขนๆ

and those hairs are really small compared to your hair,

และขนพวกนี้ก็เล็กมากเมื่อ เปรียบเทียบกับขนของคุณ

and the little tips at the end are even smaller.

และที่ปลายเล็กๆของมันก็ยิ่งเล็กไปอีก

Well, my student Tanya,

อ่า นั่นนักเรียนของผม ธันย่า

who is not much older than some of you when she did this,

ตอนที่เธอเริ่มทำการทดลองนี้ เธออายุไม่มากไปกว่าพวกคุณบางคน

a sophomore undergraduate,

นักศึกษาปริญญาตรีปีสอง

tried to figure this out,

พยายามที่จะศึกษา

and we told that her that in order to do this,

และพวกเราก็บอกเธอว่า การที่จะได้คำตอบ

you'd have to measure the force of a single hair.

เธอจะต้องวัดแรงที่เป็นของเส้นขนหน่ึ่งเส้น

Though we kind of only did this jokingly

พวกเราคิดว่างานนี้คงทำไปขำๆอย่างนั้นแหละ

because these hairs are so small,

เพราะว่าขนพวกนี้มันเล็กมากๆ

we didn't think it was possible.

เราคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้

But Tanya didn't know that,

แต่ว่าธันย่าไม่รู้

and she went on to build the simplest,

และเธอก็ได้สร้างอุปกรณ์ในการวัด ที่ธรรมดาที่สุด

most beautiful measurement device ever.

และสวยงามมากที่สุด เครื่องนึง

Here it is:

นี่ครับ

she took one of those tiny little hairs

เธอนำเส้นขนจิ๋วๆนั้นมาหนึ่งเส้น

and put it on to a probe,

และวางไปบนตัวหัววัด

and then she began pushing it into the metal beam.

จากนั้นเธอก็เริ่มดันมันเข้าไปในแท่งโลหะ

Now she was very frustrated for months - it didn't stick.

ตอนนั้นเธอหงุดหงิดอยู่หลายเดือน เพราะวันมันไม่ยอมติด

But she had figured out she had to orient it

แต่ในที่สุดเธอก็ได้พบว่าเธอต้องจัดวางมัน

just like the gecko grabs on,

แบบที่จิ้งจกจับยึด

and then it worked!

และมันก็ได้ผล

And there's the little split ends grabbing the beam in that little window.

และปลายแฉกเล็กๆของเส้นขนก็จับกับแท่นในช่องเล็กๆนั่น

And then she did something magical:

และจากนั้นเธอก็ได้ทำบางอย่างที่มหัศจรรย์

for the first time ever,

เพราะมันเป็นครั้งแรก

she measured the force of a single gecko hair

ที่เธอได้วัดแรงจากเส้นขนของจิ้งจก

that allowed her to discover

ที่สามารถนำเธอไปสู่การค้นพบ

a completely new way to stick to something,

หนทางใหม่ล่าสุดในการยึดจับกับอะไรบางอย่าง

something no human has ever known before.

เป็นอะไรที่มนุษย์ไม่เคยได้รับรู้มาก่อนเลย

They have hairy little toes,

พวกมันมีนิ้วเท้าขนๆ

huge numbers of hairs,

เส้นขนมีเป็นจำนวนมาก

and each hair has the worst case of split ends possible,

แต่ละเส้นมีสภาพเหมือนกับ ผมแตกปลายระยะสุดท้าย

100 to 1,000 nano-tips that an animal has on one hair,

ในขนหนึ่งเส้น มีปลายเล็กจิ๋วนี้อยู่ 100 ถึง 1,000 ปลาย

and 2 billion total,

และ มีราว 2 พันล้านโดยรวม

and they don't stick by glue,

และพวกมันไม่ได้ยึดจับโดยกาว

or by suction,

หรือโดยการดูด

or by velcro.

หรือโดยการเกี่ยวเหมือนตะขอ

It was discovered that they stick by inter-molecular forces alone,

ได้มีการค้นพบว่า พวกมันยึดจับโดยใช้แรงดึงระหว่างโมเลกุลเท่านั้น

by van der Waals forces,

โดยแรงวันเดอร์วาวล์

and you'll learn this in Chemistry and Physics, if you take it.

และคุณจะได้เรียนรู้ว่านี่อยู่ในวิชาเคมี และฟิสิกส์ ถ้าคุณกำลังจะได้เรียนวิชาพวกนี้

It's unbelievable!

It's a whole new way of thinking about making an adhesive!

มันไม่น่าเชื่อเลย

มันเป็นวิธีคิดแบบใหม่เกี่ยวกับการทำสิ่งยึดติด

Well, this isn't the end of the story,

อ่า นั่นไม่ใช่จุดจบของเรื่องนี้

there are still mysteries.

ยังมีปริศนาอื่นอีก

Why are the gecko's feet looking like this?

ทำไมเท้าจิ้งจกถึงหน้าตาเป็นอย่างนี้หล่ะ?

They have bizarre toes and we don't know why.

พวกมันมีนิ้วเท้าประหลาดๆและเราก็ไม่รู้ว่าทำไม

If you go into a museum and look at each gecko species,

ถ้าพวกคุณไปพิพิธภัณฑ์และไปดูจิงจกแต่ละสายพันธุ์

you see they have all different hairs,

คุณจะเห็นว่าพวกมันมีขนที่แตกต่างกัน

different lengths, and thicknesses, and patterns.

ความยาวต่างกัน ความหนาต่างกัน รูปแบบก็ต่างกัน

Why?

ทำไม?

I don't know!

ผมก็ไม่รู้

But you should come to Berkeley and help me figure this out.

แต่คุณควรมาที่มหา'ลัย เบอร์คลี่ และช่วยผมค้นคว้านะ

It's just about right, so, apply.

เหมาะมากเลย สมัครมาเลยนะครับ

But it's a mystery.

แต่มันเป็นปริศนา

There is even more stuff that is unknown.

มันยังมีเรื่องมากกว่านี้อีกที่เราไม่รู้

This tarantula also has hairs

แมงมุมทารันทุร่า ก็มีขน

and can stick this way, too,

และมันก็ยึดเกาะแบบนี้ได้เหมือนกัน

but recently it was found that they also can secrete silk from their feet,

แต่เมื่อเร็วๆ ก็มีการค้นพบว่า พวกมันสามารถสร้างเส้นใยไหมจากเท้าได้

not just their behind, like you know they do.

ไม่ใช่จากแค่ทางด้านหลังอย่างเดียว อย่างที่คุณรู้

And even more recently, my graduate student Ann showed

และข่าวล่ายิ่งกว่านั้น นักเรียนระดับบัณฑิตศึกษา ชื่อแอน

that all spiders can secrete glue,

แสดงให้เห็นว่าแมงมุมทุกชนิด สามารถสร้างกาวได้

and we know nothing about this glue

และพวกเราไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกาวนี้เลย

except it was around way before this guy,

ยกเว้นว่ามันมีมาก่อนเจ้านี่

millions of years before.

เป็นล้านๆปีก่อน

So don't stop at the discovery,

ฉะนั้นเราไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่การค้นพบ

next imagine the possible uses for society.

ถัดไป จินตนาการถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้มันในสังคม

Here is the first human supported by a gecko-inspired adhesive.

นี่เป็นเครื่องยึดเกาะสำหรับคนเครื่องแรก โดยได้แรงบันดาลใจจากจิ้งจก

This is my former graduate student, Kellar Autumn,

นี่เป็นนักเรียนเก่าของผม เคลล่า ออร์ทัม

who is professor at Lewis and Clark,

ซึ่งตอนนี้เป็นศาสตราจารย์ที่ลิวอิสแอ่นคลาร์ค

offering his second born child for the test.

เสนอที่จะใช้ลูกคนที่สองในการทดลอง

And she's a very good sport about it!

เธอเหมาะดีนะครับ

Now imagine all the things you could make from this,

ทีนี้ลองนึกถึงสิ่งที่คุณจะสามารถทำจากมันได้

not only adhesives, but products in sports,

ไม่ใช่แค่สิ่งยึดเกาะ แต่รวมไปถึงผลิตภัณฑ์การกีฬา

and biomedicine,

technology,

และชีววิทยาการแพทย์

เทคโนโลยี

robotics,

หุ่นยนต์

toys,

ของเล่น

automotive,

ยานยนต์

fashion,

clothes,

แฟชั่น

เสื้อผ้า

and yes, even hair pieces.

และใช่แล้ว แม้แต่เส้นขน

I swear to you, we got a call from Michael Jackson's hairdresser

ผมสาบานเลย เราได้รับโทรศัพท์จาก ช่างผมของ ไมเคิล แจ็กสัน

about hair pieces before he passed away.

เกี่ยวกับเส้นขน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต

Who would have guessed from studying geckos?!?

ใครจะไปคาดคิดว่ามาจากการศึกษาจิ้งจก

Next, invent a game-changing technology, device, or product.

จากนั้น ลองประดิษฐ์ เทคโนโลยีล่าสุด อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์

Like my engineering colleague at Berkeley, Ron Fearing, did

เหมือนกับเพื่อนของผมที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ที่มหา'ลัยเบอร์คลี่ ชื่อว่า รอน เฟียริ่ง

when he made one of the first synthetic, self-cleaning dry adhesives

เขาทำตัวยึดติดแบบแห้ง ที่ทำความสะอาดได้เองเป็นตัวแรกๆ

after the simplest version that you see in animals.

ลอกเลียนจากรูปแบบที่ง่ายดายในสัตว์ต่าง

Believe it or not, right now, because of this work,

เชื่อหรือไม่ ว่าเพราะผลงานของเขา

you can make your own synthetic gecko nano-tape

เราสามารถสังเคราะห์นาโนเทปจิ้งจก

by nano-molding with just a few parts,

โดยการหล่อหลอมระดับนาโน ระหว่างส่วนต่างๆ

and here's the recipe that we can give you.

และนี่เป็นวิธีที่ที่เราสามารถแจกให้คุณได้

It's been incredible since we made this discovery

มันช่างยอดเยี่ยมตั้งแต่เราได้ทำการค้นพบ

of all the papers and the work

ผลงานวิจัยที่ตีพิมพ์และงานพวกนี้

and the different ways to make it,

และหนทางใหม่ที่จะได้มาซึ่งการค้นพบ

it's emerging into a billion dollar industry.

มันไปปรากฎตัวอยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรม 2 พันล้าน

And who would have imagined that it started

และใครจะไปนึกออก ว่ามันเริ่มต้น

because we were curious about how geckos can run up walls.

เพราเราสงสัยใคร่รู้ว่าจิ้งจกเกาะกำแพงได้ยังไง

Next you need to innovate,

จากนั้น คุณต้องทำให้เกิดนวัฒกรรม

create a business that ultimately benefits society.

สร้างธุรกิจที่ท้ายที่สุด จะส่งผลกำไรให้สังคม

Did you know that there are 6 million people per year that have chronic wounds,

คุณรู้ไหม ว่าทุกปีมีคน 6 ล้านคน มีแผลเรื้อรัง

2 million develop an infection,

2 ล้านราย ได้รับการติดเชื้อ

and infections account for 100,000 hospital deaths?

และมีคนที่ติดเชื้อและเสียชีวิตกว่า 100,000 คน

Imagine if you could build a company that could produce

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณสามารถสร้างบริษัท ที่สามารถประดิษฐ์

a gecko-inspired band-aid

แถบพยาบาลที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากจิ้งจก

that would remove the pain and suffering.

ซึ่งช่วยบรรเทาปวดและความทรมาน

Just a simple invention.

แค่สิ่งประดิษฐ์งายๆ

If you look at the last three great earthquakes,

ถ้าคุณทราบเรื่องแผ่นดินไหว ครั้งใหญ่สามครั้งที่ผ่านมา

over 700,000 people were trapped and lost their lives.

คนกว่า 700,000 คน ติดอยู่ในซากปรักหักพังและเสียชีวิต

Imagine the company that made a search-and-rescue robot

ลองคิดถึงบริษัทที่ผลิตหุ่นยนต์ ที่ใช้ตามหาและช่วยเหลือ

inspired from a gecko

ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจิ้งจก

that could move anywhere

ที่มันจะเคลื่อนที่ไปไหนก็ได้

and quickly find individuals that have been trapped,

และหาคนที่ติดอยู่นั้นได้อย่างรวดเร็ว

that sometimes survive as long as two weeks.

ซึ่งบางทีพวกเขามีชีวิตอยู่ในนั้นนานถึงสองสัปดาห์

There is a gecko-inspired robot, StickyBot,

นี่เป็นหุ่นยนต์ที่ได้แบบมาจากจิ้งจก ชื่อว่า สติ๊กกี้บอท

from the Stanford group,

จากกลุ่มที่สแตนฟอร์ด

that can grab on to any surface.

ที่สามารถยึดจับกับพื้นผิว

Now we ran our own, for TED, Mini Bio-inspired Design Challenge

ตอนนี้เรามีโครงการ Mini Bio-Inspired Challenge สำหรับ TED

to get you to think about these kinds of products.

เพื่อที่จะให้เราสร้างสรรค์ผลงานแนวนี้

We have a winner.

เราได้ผู้ชนะแล้วครับ

Here's the winner.

นี่คือผู้ชนะ

The winner came up with this design called StickySeat.

ผู้ชนะของเรามาพร้อมผลงานออกแบบที่เรียกว่า สติ๊กกี้ซีท

Really clever.

ฉลาดมากเลยครับ

It's a seat that is not only comfortable,

ที่นั่งนี้ไม่ใช่แค่นั่งสบาย

but it aids a seat belt, if you were in an accident,

แต่หากคุณได้รับอุบัติเหตุ มันจะช่วยเสริมการทำงานของเข็มขัดนิรภัย

in terms of keeping your seat and moving.

ในการช่วยรักษาท่านั่งและการเคลื่อนไหวของคุณ

This is brilliant!

เยี่ยมไปเลย

We didn't think about this,

เราไม่ได้คาดคิดไว้

although we might think about patenting it now,

แต่เราอาจจะขอจดลิขสิทธิ์ตอนนี้

but there is a winner for this,

แต่นี่คือผู้ชนะของเรา

and the winner, and you can't,

และผู้ชนะคงจะ

you can't make up something like this,

ไม่สามารถอุปโลกอะไรอย่างนี้ขึ้นมาได้

the winner's name

ผู้ชนะของเราชื่อ

is Harry.

แฮรี่

Where's Harry?

แฮรี่อยู่ไหนครับ

Harry, come here, we have a prize for you.

แฮรี่ มานี่เลย เรามารางวัลมอบให้คุณ

Where's Harry?

แฮรี่อยู่ไหนครับ

Harry!

โอ้ แฮรี่

Come here!

มานี่ๆ

We have a crested gecko for you

เรามีจิ้งจกหนามให้คุณนะครับ

that has very cool hairs on it.

มันมีขนที่เจ๋งมาก

Congratulations for Harry!

ยินดีด้วยนะแฮรี่

Excellent job!

ผลงานยอดเยี่ยมมากครับ

So don't worry, if you missed out on this, it's OK

ไม่ต้องห่วงนะครับ ถ้าคุณพลาดงานนี้ ไม่เป็นไร

because we are doing another design challenge

เพราะว่าเรากำลังเปิดการแข่งขันอีกอัน

working with the San Diego Zoo.

เป็นความร่วมมือกับ สวนสัตว์ซานดิเอโก้

They're developing a best ideas project in San Diego,

เรากำลังพัฒนาโครงการจาก ความคิดเยี่ยมๆในซานดิเอโก้

but it's going to go national.

แต่มันกำลังจะเป็นงานระดับชาติครับ

And I'll leave you with a fact that you should keep being curious

และผมจะฝากคุณไว้ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า คุณควรที่จะกระหายใคร่รู้

because curiosity-based research leads to the biggest benefits,

เราเพราะว่างานวิจัยที่เกิดจากความใคร่รู้นั้น นำเราสู่สิ่งที่ผลกำไรอันยิ่งใหญ่

as we showed you in our example,

เหมือนกับที่เราให้คุณชมตัวอย่าง

and you <i>can</i> make a difference

และคุณ สามารถ สร้างความแตกต่างได้

<i>now</i>

ณ บัดนี้

because like Tanya,

เพราะว่าอย่าง ธันย่า

you don't know what can't be done.

คุณจะไม่ทราบว่า คุณกำลังจะค้นพบอะไร

Thank you.

ของคุณครับ