12 Ways to Improve English Listening Skills & Understand Native Speakers

Hello everyone and welcome back to English with Lucy!

สวัสดีค่ะทุกคน และขอต้อนรับกลับเข้าสู่

ภาษาอังกฤษกับลูซี่ วันนี้ฉันอยากจะพูด

Today I want to talk to you about: How you can improve your English listening skills ?

กับคุณเกี่ยวกับวิธีปรับปรุง

ทักษะการฟังภาษาอังกฤษของคุณ ซึ่งฉันมี

So, I've got some tips that I'm going to give you.

พวกเคล็ดลับที่ฉันอยากจะให้กับคุณ

If you do follow all of my English listening tips,

ถ้าคุณทำตามวิธีของฉันทั้งหมดจริงๆ

ในเรื่องเคล็ดลับการฟัง คุณก็น่าจะสามารถ

then you should be able to start to understand native speakers

เริ่มเข้าใจผู้พูดที่เป็นเจ้าของภาษาพูด

more easily and more effectively.

ได้ง่ายมากขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น

We've got a lot to cover in the lesson.

เรายังมีเนื้อหาอีกมากมายในบทเรียน

So, let's get started !

เอาล่ะ มาเริ่มกันเลย มีคำที่

There's a word that I'm going to be using a lot in this lesson and it is ''variety''.

ฉันจะใช้บ่อยๆ ใน

บทเรียนนี้ และมันคือความหลากหลาย ฉันอยากให้คุณ

I want you to use a wide range of resources and listen to a wide range of accents as well.

เลือกฟังแหล่งข้อมูลที่หลากหลาย และฟัง

สำเนียงที่หลากหลายด้วยเช่นกัน ทำไมนะเหรอ

Why?

Well, I know a lot of you come to me and say:

ฉันรู้เพราะ มีหลายคนมาถามฉัน และ

พูดว่า ลูซี่ ฉันอยากเรียนภาษาอังกฤษแบบชาวอังกฤษ

'Lucy, I want to learn British English and to do that I'm only going to listen to British speakers'

และในการทำสิ่งนั้น ฉันจึงฟังแต่

คนพูดที่เป็นชาวอังกฤษเท่านั้น แต่ในความคิดของฉัน

But in my opinion: that's not the right thing to do !

นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเท่าไหร่ คุณจะต้อง

You are going to meet people from all over the world with all different accents and you're going to need to understand them.

เจอกับผู้คนมากมายจาก

ทั่วทุกมุมโลก ด้วยสำเนียงที่แตกต่างกัน และ

คุณก็จะต้องเข้าใจพวกเขา

You don't want to just be able to understand British people!

คุณคงไม่อยากที่จะแค่สามารถ

เข้าใจชาวอังกฤษเท่านั้นใช่ไหม ดังนั้น ถ้าคุณ

So if you're not doing it already

ยังไม่ได้ทำแบบนั้น

I want you to listen to as many accents as possible.

ฉันอยากให้คุณฟังหลายสำเนียงให้มากที่สุด

เท่าที่จะมากได้ และเมื่อคุณทำแบบนั้น

and when you're doing that

I want you to think about the different sounds that each accent makes.

ฉันอยากให้คุณนึกถึงเสียงที่แตกต่าง

ของแต่ละสำเนียง ฉันทำ

I made a video with the lovely Anna from English like a native

วีดีโอกับแอนน่าที่น่ารักจากอังกฤษ

เกี่ยวกับความแตกต่างของเจ้าของภาษา

about the differences between our accents

ระหว่างสำเนียงของพวกเรา และนักเรียนมากมาย

and lots of students found that really really helpful

ก็พบว่า มันมีประโยชน์มากจริงๆ เพราะ

because there's not one definitive way of speaking English.

มันไม่มีหลักตายตัวของ

การพูดภาษาอังกฤษ มันมี

There are lots of variations: regional variations, variations by country.

ความหลากหลายตามท้องถิ่น

ความหลากหลายของประเทศ ฉันหมายถึงภาษาอังกฤษ

I mean English spoken in New Zealand is very different to English spoken in America for example.

ที่ใช้ในนิวซีแลนด์ จะแตกต่างกับ

ภาษาอังกฤษที่ใช้ในอเมริกาเป็นอย่างมาก ซึ่งนี่เป็นตัวอย่าง

ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องเข้าใจไม่มาก

So you need to be able to recognize more or less everything and diversify your English.

ก็น้อยในทุกๆ สิ่ง และทำให้ภาษาอังกฤษของคุณหลากหลายขึ้น

พูดถึงความหลากหลายกันอีกครั้ง

Focusing on that word 'variety' again

ฉันอยากจะพูดกับคุณเกี่ยวกับ

I want to talk to you about resources.

แหล่งข้อมูล หัวข้อถัดไปของฉันคือ ฉันอยากให้คุณ

For my next point, I want you to ask yourself a question

ถามคำถามกับตัวเอง ฉันอยากให้คุณ

I want you to answer it yourself honestly

ตอบด้วยตัวเองตามจริงว่า คุณให้เวลา

How much time do you actually dedicate to practicing and improving your listening skills?

กับการทุ่มเทอย่างจริงจัง

เพื่อฝึกฝนและปรับปรุงทักษะการฟังของคุณมากแค่ไหน

ตอบตามความจริง โดยส่วนมาก

Answer honestly !

Most of the students that I asked say around 1 to 2 hours

กลุ่มนักเรียนที่ฉันถาม จะตอบประมาณ 1 ถึง 2

ชั่วโมง และจากนั้น

and even then they might be exaggerating a little bit

พวกเขาอาจจะพูดเกินจริงนิดหน่อย

Now you've recognized that: You're probably not practicing enough.

ตอนนี้คุณรู้ตัวแล้วว่าคุณ

อาจจะฝึกฝนไม่มากพอ ฉันอยากให้

I want you to start practicing

คุณเริ่มฝึกฝนอย่างจริงจัง

Honestly, practice makes perfect !

ฝึกฝนจนยอดเยี่ยม

You're not going to suddenly wake up and be perfect at listening.

คุณคงไม่สามารถที่จะตื่นขึ้นมาและ

ฟังได้อย่างยอดเยี่ยมทันที มันต้องใช้เวลา

It takes time, it takes dedication

มันต้องมีความทุ่มเท และมันก็จะเป็นทักษะ

and it's called a skill for a reason

ที่เกิดขึ้นเมื่อคุณได้ทำบางสิ่ง

is something that you have to develop principally on your own and also with help from others

เพื่อพัฒนามันมากขึ้นด้วยตัวคุณเอง และ

ยังมีตัวช่วยจากสิ่งอื่นๆ อีกด้วย แต่การ

but what is listening practice you might be asking me.

ฝึกฝนการฟังต้องทำยังไง ซึ่งคุณอาจจะอยากถามฉัน

ซึ่ง ฉันมีข้อแนะนำมากมาย

Well, I've got lots of recommendations for you

สำหรับคุณ

which brings me to my next point: "Resources and more importantly variety of resources"

ซึ่งพาให้ฉันเข้าสู่หัวข้อถัดไป

แหล่งข้อมูลต่างๆ และที่สำคัญยิ่งขึ้น คือ ความหลากหลาย

ของแหล่งข้อมูล ในตอนนี้ สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ

Now the most obvious one is watching TV programs or movies in English.

การดูรายการทีวี หรือภาพยนตร์ที่เป็น

This is great, but I think you can take it a step further.

ภาษาอังกฤษ ซึ่งมันยอดเยี่ยม แต่ฉันคิดว่าคุณ

สามารถจะขยับไปอีกขั้นได้

Maybe you're watching programs with English subtitles.

คุณอาจจะดูรายการทีวีที่มี

ซับไตเติลภาษาอังกฤษ

That's good, but you don't want to rely on the subtitles.

ซึ่งมันก็ดี แต่คุณคงไม่อยากพึ่งพา

ซับไตเติลใช่ไหม ฉันอยากให้คุณเรียน

I want you to learn with your ears and not with your eyes.

ด้วยหูของคุณ ไม่ใช่ด้วยตาของคุณ

So what I recommend you do to take your listening to the next level is "Watch each program or movie TWICE!"

ดังนั้น สิ่งที่ฉันจะแนะนำให้คุณทำใน

การฟังขั้นถัดไป คือ

ดูแต่ละรายการหรือหนัง ซักสองครั้ง

Probably, more achievable with programs short ones.

ทำให้มันได้ผลมากขึ้นด้วยรายการที่สั้นๆ

I recommend that you aim for something that's less than 30 minutes.

ฉันจะแนะนำคุณว่าให้เลือก

รายการที่ความยาวน้อยกว่า 30 นาที

So you could try a comedy like: Friends which is American English or maybe BBC news

ดังนั้น คุณอาจจะลองดูหนังตลกอย่างเรื่องเฟรนด์

ซึ่งเป็นหนังอเมริกัน หรืออาจจะข่าวบีบีซี

และคุณก็ดูแค่หัวข้อข่าว

and you can just watch the headlines which would be British English pronunciation.

ซึ่งจะเป็นการออกเสียงแบบสำเนียงอังกฤษ

ดังนั้น ฉันจึงอยากให้คุณดูมัน

So, I want you to watch it first with no subtitles, see how much you can understand.

ครั้งแรกแบบไม่มีซับไตเติล ดูว่าคุณ

จะเข้าใจได้มากแค่ไหน และจากนั้นฉันอยากให้คุณ

and then I want you to watch it again with subtitles, and see what you did pick up and what you didn't pick up and then note it for next time.

ดูมันอีกครั้งแบบมีซับไตเติลและดูว่า

คำไหนที่คุณฟังออกและคำไหนที่คุณ

ฟังไม่ออก จากนั้นจดบันทึกไว้สำหรับครั้งต่อไป

Don't be afraid to replay things again and again and again !

อย่ากลัวที่จะเล่นมันซ้ำอีกครั้ง

และอีกครั้ง และอีกครั้ง

Learn the patterns of voice that we use.

เรียนรู้ลักษณะของเสียงที่พวกเราใช้

If you've got a listening exam or you're going to have a telephone conversation or some sort of interview over the phone,

ถ้าคุณมีบททดสอบเรื่องการฟังหรือคุณ

กำลังจะสนทนาผ่านโทรศัพท์

หรือมีการสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์

you're not going to be able to read the person's lips which can be really useful.

คุณก็จะไม่สามารถอ่าน

ปากผู้พูดได้ ซึ่งมีประโยชน์จริงๆ

ดังนั้นคุณจึงควรที่จะฝึก

So, you really ought to practice listening blindly !

การฟังแบบมองไม่เห็น ซึ่งเคล็ดลับหนึ่ง

So, one really really good tip that often gets overlooked is use audio books.

ที่ดีมากๆ ที่มักจะถูกมองข้ามไปคือ

ใช้หนังสือเสียง

Reading is great for building your vocabulary but it doesn't do much for your listening skills,

การอ่านคือสิ่งที่ดีเยี่ยมสำหรับการฝึกฝน

คำศัพท์ แต่มันจะช่วยไม่ได้มากสำหรับ

ทักษะการฟังของคุณ เพราะว่าสิ่งที่

because what a book does not offer you is a pronunciation guide normally.

หนังสือช่วยคุณไม่ได้คือ

แนะนำการออกเสียง

โดยปกติแล้ว ฉันแน่ใจว่าบางคนก็ทำแบบนั้น

I'm sure some exist that do.

So, I would like you to start listening to audiobooks.

ดังนั้น ฉันอยากให้คุณเริ่มต้นฟัง

หนังสือเสียง เลือกหนังสือที่

Pick a book that is interesting and relevant to you.

น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับคุณ โดยดูจาก

Judge it by your level !

ระดับของตัวคุณ ถ้าคุณค่อนข้าง

If you're quite a low-level, choose a children's book.

อยู่ในระดับพื้น เลือกหนังสือเด็ก

For more intermediate maybe go something for teenagers.

ที่สูงกว่าระดับปานกลาง หรืออาจจะเลือก

แบบวัยรุ่น และถ้าคุณอยู่ในขั้นที่สูงขึ้น

and if you're advanced obviously go for something that's aimed at adults or maybe has a lot of technical language.

แน่นอนว่าควรเลือกสิ่งที่เป็นระดับ

ผู้ใหญ่ หรืออาจจะมีพวก

ภาษาเทคนิค จำไว้ว่า ถ้าคุณ

Remember that: If you want to check your understanding you can always buy the book as well listen to a section and then read it, listen to another and then read it.

อยากจะตรวจสอบความเข้าใจของคุณ

คุณก็สามารถซื้อหนังสือได้เช่นกัน

ฟังส่วนหนึ่ง แล้วอ่านมัน

ฟังอีกส่วนหนึ่ง แล้วอ่านมัน

This is a wonderful way of improving your listening comprehension.

มันคือวิธีที่ดีเยี่ยมในการปรับปรุง

ความเข้าใจในการฟังของคุณ เว็บไซต์ที่ดีที่สุด

The best website for audiobooks is audible

สำหรับหนังสือเสียง คือ audible และถ้าคุณ

and if you click in the link in the description box you can get a free audiobook and a 30-day trial.

คลิกที่ลิงค์ในช่องคำอธิบาย

คุณจะได้รับหนังสือเสียงฟรี และ

การทดลองใช้ 30 วัน ไม่มีการหลอกลวงแน่นอน

There's absolutely no catch, so try it out and see if it works for you.

ลองดูนะคะ และดูว่ามันได้ผลกับคุณไหม

One resource that often gets overlooked is youtubers.

อีกหนึ่งแหล่งความรู้ที่มักจะถูกมองข้ามบ่อยๆ

คือยูทูบเบอร์ ฉันไม่ได้หมายถึงพวกเรานะคะ

I'm not talking about us - lovely bunch of online English teachers.

คุณครูภาษาอังกฤษออนไลน์ที่น่ารักมากมาย

That are all over YouTube at the moment.

ที่มีอยู่มากมายในยูทูบ ณ ตอนนี้

Although I think we could help you a little bit with your listening.

แม้ว่า ฉันคิดว่าเราจะช่วยจะคุณ

ได้เล็กน้อยสำหรับการฟังขอบคุณ

You have an amazing resource full of free videos and listening tools.

คุณมีแหล่งข้อมูลที่อัศจรรย์ เต็มไปด้วย

ฟรีวีดีโอ และเครื่องมือในการฟัง

Find something that you're interested in.

ค้นหาสิ่งที่คุณสนใจ

Maybe you're interested in Gossip, celebrities, science, current affairs.

บางทีคุณอาจจะสนใจเรื่องกอสซิป

ของคนดัง วิทยาศาสตร์ เหตุการณ์ปัจจุบัน

Search for it in English and start listening to it.

ลองหามันเป็นภาษาอังกฤษ

และเริ่มฟังมัน หัวข้อถัดไปของฉันคือ

My next point is multi task.

การทำหลายอย่างพร้อมกัน ไม่เหมือนการอ่านหรือการดูทีวีนะคะ

Unlike reading or watching TV, listening is something that you can do whilst you do something else.

การฟังคือสิ่งที่คุณสามารถทำได้

ในเวลาที่คุณทำอย่างอื่นไปด้วย

So once you've found your ideal resource, start to build a sort of pack of resources on your smart phone or your computer that you can take with you.

ดังนั้น เมื่อคุณเจอแหล่งข้อมูลที่ต้องการแล้ว

เริ่มทำให้มันเป็นกลุ่มของแหล่งข้อมูล

ในโทรศัพท์ หรือ

คอมพิวเตอร์ของคุณ ซึ่งคุณสามารถพกพามันไปกับคุณได้

So, if you have a long car journey, on the way to work, on public transport, whilst you're doing something else like cooking, something you don't have to concentrate on.

ถ้าคุณต้องนั่งรถนานๆ

ในระหว่างทางไปทำงานหรือรถสาธารณะ

ในขณะที่คุณกำลังทำอย่างอื่น เช่น ทำอาหาร

บางอย่างที่คุณไม่ต้องสมาธิมาก

ลองฟัง

Listen to something in English !

สิ่งต่างๆ เป็นภาษาอังกฤษ และนั่นก็วกกลับ

and that links back to my question: "How much time do you actually dedicate practicing your English?"

ไปที่คำถามของฉันว่า คุณใช้เวลามากแค่ไหน

ในการทุ่มเทการฝึกฝนอย่างจริงจังกับ

So, say you spend half an hour traveling to work each day and half an hour traveling back home each day and you listen to something in English for the entirety of those journeys

ภาษาอังกฤษของคุณ คุณอาจจะบอกว่าครึ่งชั่วโมง

ช่วงเดินทางไปทำงานแต่ละวัน และครึ่งชั่วโมง

ช่วงเดินทางกลับบ้านในแต่ละวันและ

คุณฟังสิ่งที่เป็นภาษาอังกฤษ

ทั้งหมดตลอดการเดินทาง

Each week, you will be doing five hours of listening practice.

ในแต่ละสัปดาห์ คุณก็จะใช้เวลาห้าชั่วโมง

ในการฝึกฟัง ซึ่งมันเยี่ยมมาก

That's amazing !

If you do that, you will definitely improve in no time.

ถ้าคุณทำแบบนั้น แน่นอนว่าคุณจะ

ฝึกฝนแบบไม่ต้องใช้เวลา

The really great thing is that you're doing something productive and maybe learning about another topic through English.

สิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คือ คุณ

ทำบางสิ่งที่ก่อให้เกิดผล และอาจจะ

ได้เรียนรู้อีกหัวข้อหนึ่ง

ด้วยภาษาอังกฤษ ซึ่งคุณก็ทำเป็นปกติอยู่แล้ว

That you would normally do.

So, it's really a win-win situation.

มันเป็นสถานการณ์ที่มีแต่ได้กับได้จริงๆ

My next tip is do not translate, do not translate.

เคล็ดลับถัดไปของฉันคือ อย่าแปล

อย่าแปล ในขณะที่คุณกำลังพูดกับ

When you're speaking to someone in person, I want you to listen for context.

คนอื่นตัวต่อตัว ฉันอยากให้คุณฟัง

บริบทไปด้วย ฉันมักจะบอกกับ

Something I always say to my students is "Fluency over accuracy !"

นักเรียนว่า ความคล่องแคล่วสำคัญกว่าความแม่นยำ

Now I speak Spanish fluently, but I do not speak it a hundred percent accurately.

ตอนนี้ ฉันพูดภาษาสเปนได้คล่องแคล่ว

แต่ฉันไม่ได้พูดถูกต้องหมดร้อยเปอร์เซ็นต์

I have no problems with listening, I have no problems with understanding, and I have no problems with communicating.

ไม่มีปัญหากับการฟังเลย

ฉันไม่มีปัญหาเรื่องความเข้าใจ และ

ฉันไม่มีปัญหากับการสื่อสาร แต่

But if you were to film me speaking Spanish and analyze all of the errors that I make, you find quite a few.

แต่ถ้าคุณดูฉันพูดภาษาสเปน

และวิเคราะห์หาจุดผิดพลาดทั้งหมดที่ฉันทำ

คุณจะพบว่ามีค่อนข้างน้อย

It's really important to understand that you don't need it to be perfect, you don't need to understand every single word

มันสำคัญมากที่จะเข้าใจว่า

คุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ คุณไม่จำเป็นต้อง

เข้าใจทุกคำ คุณจะต้อง

You need to understand context and general meaning.

เข้าใจบริบทและความหมายทั่วไป

คุณอาจต้องใช้เวลามากเกินไปในการวิเคราะห์

If you spend too much time analyzing each word,

แต่ละคำของการสนทนาหรือบทพูด

the conversation or monologue will have moved on, by the time you finally understood the word that you are focusing on,

ที่มันได้ผ่านไปแล้ว

ที่ยังไงเดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจคำนั้น

ที่คุณกำลังสนใจ ดังนั้น คุณก็เลยจะต้อง

so you actually then have to catch up and you lose understanding.

คอยจับคำ และคุณก็จะสูญเสียความเข้าใจไป ดังนั้น

So, instead of listening word-by-word

แทนที่จะฟังแบบทีละคำๆ

listen to phrases as a whole.

ให้ฟังสำนวนการพูดทั้งหมดแทน

My next tip is learn speech patterns.

เคล็ดลับข้อต่อไปคือเรียนรูปแบบการพูด

Okay, I want you to research into how natives speak.

โอเค ฉันอยากให้คุณค้นคว้าวิธีที่

เจ้าของภาษาพูด วิธีที่พวกเราเขียน

The way in which we write something is certainly not the way in which we say it.

ในบางสิ่งก็ไม่ใช่แบบเดียวกับ

ที่พวกเราพูด

English is not a phonetic language and we don't always follow our own pronunciation rules.

ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่ออกเสียงตายตัวและ

เราก็ไม่ได้พูดตาม

กฏการออกเสียงแบบนั้นตลอด ดังนั้นสิ่งที่การค้นคว้า

So, what research can you do?

จะช่วยคุณได้ คือคุณต้องดูที่คำพ้องเสียง

Well, you can look at homophones.

For example: These are words which have the exact same pronunciation but different spellings and different meanings.

ตัวอย่างเช่น คำเหล่านี้ซึ่ง

มีการออกเสียงที่เหมือนกันทุกอย่าง แต่แตกต่างที่

การสะกดคำและความหมาย

I've actually got a video coming out on homophones very soon which i will put in the description box.

ที่จริงฉันได้รับวีดีโอเรื่อง

คำพ้องเสียงเมื่อไม่นาน ซึ่งฉันจะ

ใส่ลงไปในช่องคำอธิบาย ตัวอย่างของ

An example of a homeophone would be "bear" and "bare"

คำพ้องเสียง เช่น แบร์ และ แบร์

the same, but different spelling and meaning.

เสียงเหมือนกัน แต่การสะกดและความหมายต่างกัน

You can also look at minimal pairs.

คุณจะเห็นได้จากคำคู่เช่นกัน

Minimal pairs are words that have the exact same pronunciation a part from a single vowel sound.

คำคู่ คือ คำที่

ออกเสียงเหมือนกัน แตกต่างที่

เสียงสระ ตัวอย่างเช่น

An example of a minimal pair would be "ship" and "sheep".

คำคู่อย่าง ชิพ และชีพ

ชิพ ชีพ ซึ่งมันเหมือนกันแต่

...ship...sheep...

So that... and... of the same but the vowel sound is different.

เสียงสระแตกต่างกัน มันยัง

It's also important that you understand weak forms.

สำคัญอีกด้วย ที่คุณต้องเข้าใจคำที่พูดแบบรวบคำ

So we have strong forms of words and we also have weak forms.

ซึ่งเรามีคำที่พูดแบบปกติและ

เราก็ยังมีคำที่พูดแบบรวบคำ ตัวอย่างเช่น

For example: The word "at", on its own I say 'at

คำว่า แอท แบบนี้ฉันจะพูดว่า แอท

But sometimes if I'm using it in a sentence or in conversation and I'm speaking very quickly I will say at with the schwa sound.

แต่บางครั้ง ถ้าฉันใช้มันในประโยค

หรือในบทสนทนา และฉันก็พูด

แบบรวดเร็ว ฉันจะพูดว่า เอิท

ด้วยเสียงแบบชวา ฉันจะไม่พูดว่า แอท ทรี โอ คล็อค

I won't say 'at three o'clock.

I will say at three o'clock.

ฉันจะพูดว่า เอิท ทรี โอ คล็อค มันสำคัญ

It's important that you recognize that the schwa sound can represent many vowels.

ที่คุณจะต้องจดจำเสียงแบบชวา

จะใช้แทนเสียงสระหลายตัว คุณต้อง

You also need to look at reductions

ดูที่การลดรูป ฉันได้รับวีดีโอ

I've got a video all about the reductions "wanna" and "gonna" which is also in the description box,

เกี่ยวกับการลดรูปอย่าง วอนนา และ กอนนา

ซึ่งอยู่ในช่องคำอธิบายเช่นกัน

that will really help you out especially if you want to use those

มันจะช่วยคุณได้จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

ถ้าคุณอยากใช้คำเหล่านั้น ฉันรู้ว่าหลายคนคงอยากใช้

I know a lot of you do

It's a really quick way of making yourself sound more native.

มันสะดวกมากในการทำให้

เสียงของคุณฟังดูเหมือนเจ้าของภาษาและ

and also contractions: I am => I'm; I will => I'll; she would => she'd.

คำย่อต่างๆ ไอ แอม = แอม ไอ วิล = ไอว

ชี วูด = ชีดว์ มันสำคัญที่คุณต้องเรียนคำเหล่านั้น

Important that you learn those.

I'm also making a video on contractions.

ฉันยังทำวีดีโอเรื่อง

คำย่ออีกด้วย ดังนั้นถ้ามันถูกอัพโหลดแล้ว

So when that's uploaded I will also put that in the description box.

ฉันจะใส่มันลงในคำอธิบายด้วย

นั่นคือทั้งหมดสำหรับบทเรียนจากฉัน สำหรับ

So that's it for my lesson on: How to improve your listening skills?

วิธีปรับปรุงทักษะการฟังของคุณ

Your homework is to comment below and tell me and everyone else: How you are going to improve your listening skills? now you've watched this video.

การบ้านของคุณคือ ใส่ความเห็นที่ด้านล่างและบอกฉัน

และทุกคนว่า คุณจะมีวิธีฝึกฝน

ทักษะการฟังของคุณยังไง ตอนนี้คุณก็ได้ดู

วีดีโอแล้ว ฉันอยากเห็นคุณ

I want to see you be motivated and I want to see you make a change,

มีแรงกระตุ้นและฉันอยากเห็นคุณเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ฉันเชื่อในตัวคุณและคุณก็ต้อง

I believe in you and you need to believe in yourselves too.

เชื่อในตัวคุณเองด้วย อย่าลืมว่า

Don't forget that: I now upload on Mondays, Wednesdays and Saturdays.

ตอนนี้ฉันอัพโหลดทุกวันจันทร์

วันพุธและวันเสาร์

And I also have a free live pronunciation and vocabulary lesson every Sunday at 4:30 gmt which is london time.

และฉันก็ยังมีถ่ายทอดสดฟรีเรื่องการออกเสียงแบบ

บทเรียนคำศัพท์ ทุกวันเสาร์ เวลา 4:30 GMT

ซึ่งเป็นเวลาที่ลอนดอน ใน

On my -English with Lucy- Facebook page.

เฟซบุคของฉัน เพจอิงลิชกับลูซี่

Don't forget to connect with me on all of my social media.

อย่าลืมติดต่อกับฉันทั้งใน

โซเชียล มีเดีย เฟซบุคของฉัน

My Facebook and my Instagram is where I'm most active

อินสตราแกรมของฉัน ซึ่งฉันจะอยู่บ่อยที่สุด

and you can also sign up to my mailing list

และคุณยังสามารถสมัครโดยส่งชื่ออีเมล์เพื่อรับข้อมูล

ถ้าคุณอยากได้รับอีเมล์จากฉัน

If you want to receive emails from me and hear about updates before anyone else.

และรับข่าวสารต่างๆ ก่อนคนอื่น

Alright then, I'll see you soon for another lesson !

เอาล่ะ แล้วเจอกันใหม่นะคะ

สำหรับบทเรียนอื่นๆ

mooah :* <3