How to Use Apostrophes Properly: The Definitive Guide | English Grammar & Punctuation Lesson

hello everyone and welcome back to english with lucy today after all of

ยินดีต้อนรับสู่ช่อง English With Lucy

หลังจากที่มีผู้คนเรียกร้องมามากมาย วันนี้

your requests I'm doing a grammar video and I wanted to talk to you about

Lucy จะมาทำคลิปเกี่ยวกับแกรมม่า(ไวยกรณ์)

และก็อยากจะพูดถึงสิ่งที่แม้แต่ Lucy เอง

something that even I an English teacher struggle with sometimes it's something I

ที่เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ก็ยังติดขัดในบางครั้ง

มันเป็นสิ่งที่ Lucy ต้องใช้ทุกๆวัน

have to use every single day it is punctuation and I have always really

นั่นคือเครื่องหมายวรรคตอน(Punctuation)

และตัว Lucy เองก็มีปัญหากับ apostrophes มาโดยตลอด

struggled with apostrophes and when and when not to use them apostrophes follow

ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ตอนไหน

loads of rules and I see them misused all of the time I know that sometimes I

มีกฏมากมายสำหรับการใช้ apostrophes

ซึ่ง Lucy เห็นมันถูกใช้ผิดอยู่ตลอดเวลา

Lucy ก็รู้ว่าบางทีตัวเองก็อาจจะใช้ผิดเช่นกัน

might misuse them as well but I think today we should just clarify all of our

แต่วันนี้ Lucy คิดว่า เราควรจะมาไขข้อสงสัยทั้งหมดกัน

doubts and use apostrophes properly once and for all I really do think this video

และใช้ apostrophes อย่างถูกต้องหลังจากนี้

Lucy คิดว่าคลิปนี้จะช่วยคน

is going to help anybody who needs to write frequently anyone who's going to

ที่ต้องเขียนบ่อยๆ

คนที่กำลังจะสอบภาษาอังกฤษ

take an English exam like the IELTS or the FCE or even the CAE anyone who needs

พวก IELTS FCE แม้กระทั่ง CAE

คนที่ต้องเขียนอีเมล์บ่อย

to write emails frequently even text messages if you want to use correct

ทั้งพวกข้อความสั้น ถ้าคุณต้องการจะใช้ไวย์กรณ์อย่างถูกต้อง

grammar throughout text messages school essays native speakers and non-native

ในการเขียนข้อความ

เรียงความในโรงเรียน ผู้ใช้ภาษาอังกฤษทั้งเป็นภาษาแม่และภาษาที่ 2

speakers whether they already speak English or you're learning English this

ไม่ว่าคุณจะใช้ภาษาอังกฤษอยู่แล้วหรือกำลังเรียนภาษาอังกฤษ

video is for absolutely everybody as always I love learning about your

คลิปนี้ทำขึ้นเพื่อคนทุกประเภทจริงๆ

และเช่นทุกๆครั้ง Lucy เป็นคนที่ชอบเรียนรู้เกี่ยวกับภาษาของคุณ

languages and your grammar as well so do comment down below and tell me if you

และไวย์กรณ์ของภาษาคุณเช่นกัน ก็ช่วยคอมเมนต์กันด้านใต้

และบอก Lucy ด้วยว่าภาษาของพวกคุณใช้ apostrophes หรือเปล่า

use apostrophes in your language and if you use them in the same way that we do

และใช้ในลักษณะเดียวกันกับที่เราใช้ในภาษาอังกฤษหรือไม่

in English if you are interested in grammar and would like to learn more

ถ้าคุณสนใจในไวย์กรณ์

และต้องการที่จะเรียนรู้เพิ่มเกี่ยวกับไวย์กรณ์

about grammar from private teachers you can try I talky I talky is an online

กับติวเตอร์แบบส่วนตัว คุณสามารถลองใช้ Italki

Italki เป็นระบบออนไลน์ที่จะจับคู่ระหว่าง

database which matches teachers to students on that database you can find

ครูและนักเรียน

ในฐานข้อมูลของ Italki คุณสามารถมองหาผู้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1

native teachers qualified teachers community teachers that will help you

ครูที่มีวุฒิ ครูอาสาที่สามารถช่วยคุณได้

with your conversation as well I recently did a couple of classes with

และช่วยคุยกับคุณด้วยเช่นกัน

เร็วๆนี้ Lucy เองก็ได้เรียนไปหลายคลาสกับพวกเขา

them to learn Indonesian and as I said that video is coming out it's so

ในภาษาอินโดนิเซีย และตามที่ Lucy พูดไว้ คลิปนั้นก็กำลังจะออกมา

มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมาก

exciting it's just taking a little bit of work and I had an amazing experience

เพียงแค่ใช้เวลาเพิ่มเล็กน้อย

แต่กลับได้ประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม

so if you're interested in putting into practice what you learn in this lesson

ถ้าคุณสนใจที่จะใช้ Italki ในการนำสิ่งที่คุณได้เรียนรู้

ในคลิปนี้หรือคลิปอื่นๆ

or in other lessons you can get $10 worth of I talkie credits for free when

คุณจะได้รับ Italki credits มูลค่า 10 ดอลล่าห์ฟรี

เมื่อคุณซื้อ Italki ครั้งแรก

you make your first $10 I talk you purchase

ก็เหมือนกับซื้อ 1 บทเรียนแถม 1 บทเรียนบน Italki

so it's like a buy one get one free on I talk you lessons all you have to do is

click on the link in the description box that being said let's get started with

ที่คุณต้องทำก็เพียงคลิ๊กลิงก์

ใน description box

งั้นเราก็มาเริ่ม

the punctuation lesson so how's this lesson going to be structured well first

บทเรียนสำหรับ Punctuation

บทเรียนวันนี้ก็จะมีโครงสร้างโดย

I'm going to be talking about the possessive case the genitive case where

เริ่มจาก

กรณีแสดงว่าเป็นเจ้าของ (Genitive Case)

ซึ่ง apostrophes แสดงความเป็นเจ้าของหรือความสัมพันธ์

apostrophes show possession or a relationship between two things I'm then

ระหว่าง 2 สิ่ง

going to show you how apostrophes are used in verb pronoun and some noun

ต่อมา Lucy ก็จะมาพูดเรื่องการใช้ apostrophes

ในคำกริยา คำสรรพนาม และ การย่อคำนาม

contractions and then finally I'll show you some extra miscellaneous

และสุดท้าย ลูซี่จะแสดงตัวอย่างการย่อคำที่ซับซ้อนเป็นพิเศษ

contractions using apostrophes as well let's get started

โดยการใช้ apostrophes เช่นกัน

มาเริ่มกัน

so let's talk about the possessive case normally it uses apostrophe s but there

มาพูดกันเรื่องกรณ๊ของการแสดงความเป็นเจ้าของ

ปกติเราก็จะใช้ 's

แต่มันก็มีข้อยกเว้นบางอย่าง

are some exceptions this shows possession a relationship between two

apostrophes นี้แสดงความสัมพันธ์ระหว่าง วัตถุ 2 สิ่ง

things normally with one thing belonging to the other

โดยปกติก็สิ่งหนึ่งเป็นเจ้าของอีกสิ่งหนึ่ง

for example the ball of the dog the dog's ball so how do we use them with

ยกตัวอย่างเช่น the ball of the dog, the dog's ball. (ลูกบอลของหมา)

แล้วเราใช้ apostrophes อย่างไรหละสำหรับคำนามเอกพจน์

singular nouns well we just add apostrophe s

เราก็แค่เติม 's

for example Lucy's car is orange or I ate dinner at Will's house but what

ยกตัวอย่างเช่น Lucy's car is orange (รถของลูซี่สีส้ม)

หรือ I ate dinner at Will's house. (ฉันกินข้าวเย็นที่บ้านของ Will)

happens if those singular nouns end in s now this is a little bit of a cause for

แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าคำนามเอกพจน์เหล่านั้นลงท้ายด้วย S

เรื่องนี้เป็นที่โต้เถียงกันเยอะมาก

dispute in the English grammar world but the most accepted form is to add

ในโลกของไวย์กรณ์ภาษาอังกฤษ แต่รูปแบบการใช้ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด

คือการเติม 's เช่นกัน

apostrophe s as well now this is disputed and some people will argue that

ซึ่งบางคนก็จะเถียงว่า

we should just add the apostrophe whatever you choose to do make it

เราควรจะเติมแค่ apostrophe เฉยๆ

ไม่ว่าคุณจะใช้แบบไหน ก็ให้ใช้แบบนั้นไปตลอด

consistent choose one of those rules and be consistent with it so at least it

เลือกซักกฏและใช้ไปตลอด

อย่างน้อยก็ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าคุณรู้กฏในการใช้งาน

looks like you know what you're doing so I personally like to stick with the

สำหรับลูซี่เอง ลูซี่ใช้ 's

apostrophe s because I think it's the most traditional for example the

เพราะมันเป็นการใช้แบบดั้งเดิมที่สุด

ยกตัวอย่างเช่น the actress's role was difficult. (บทบาทของนักแสดงนั้นยาก)

actresses role was difficult or Jess's dog is called Mable now with the other

หรือ Jess's dog is called Mable. (หมาของ Jess ชื่อ Mable)

rule where they just put the apostrophe and they don't put the S you will still

และสำหรับอีกกฏหนึ่งซึ่งเติมแค่ ’

ไม่เติม s เราก็ยังคงอ่านมัน

treat it in spoken English as if you had that s there so you will still say

ในภาษาพูดเหมือนกับตอนที่มันมี S อยู่

คุณก็ยังพูดว่า Jess' dog is called Mable

Jess's dog is called Mable and the actresses role was difficult even though

และ the actress' role was difficult เช่นเดิม

the S is not there it's complicated so what about plural nouns well regular

ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เขียน s ก็ตาม

ซับซ้อนจริงๆ

แล้วสำหรับคำนามพหูพจน์หละ

โดยปกติแล้วคำนามพหูพจน์ก็มักจะลงท้ายด้วย s

plural nouns usually end in s and for these two show possession you just need

สำหรับคำนามพวกนี้คุณก็แค่เติม

to add an apostrophe to the end of them for example my grandparents house is

apostrophe ต่อท้ายคำ

ตัวอย่างเช่น my grandparents' house is cosy. (บ้านของตายายนั้นสะดวกสบาย)

cozy or my friends party was amazing now this is why English is a little bit

หรือ my friends' party was amazing.(ปาร์ตี้ของเพื่อนฉันนั้นสุดยอดมาก)

และนี่คือสิ่งที่ทำให้ภาษาอังกฤษนั้นยากขึ้นมาเล็กน้อย

difficult because if I say these two sentences

เพราะเวลาเราพูดทั้ง 2 ประโยคนั้น

my friends party was amazing or my friends party was amazing

my friend's party was amazing

หรือ my friends' party was amazing,

the first one is just referring to one friend and the second one is referring

ประโยคแรกกล่าวถึงเพื่อน 1 คน

ในขณะที่ประโยคที่ 2 กล่าวถึงเพื่อน 2 คน

to two friends the apostrophe has changed place but it sounds the same in

apostrophe เปลี่ยนตำแหน่งแต่การออกเสียงนั้นเหมือนเดิม

spoken English that's why you need to add a bit of context in the words of

นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าในภาษาพูด คุณจะต้องกล่าวเพิ่ม

บริบทแวดล้อมต่างๆ

ไม่มีคำว่าง่ายในพจนานุกรมของ Coldplay (ปล. ไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน)

Coldplay nobody said it was easy but what about those plural nouns that don't

แต่จะเกิดอะไรขึ้นกับคำนามพหูพจน์ที่ไม่ได้ลงท้ายด้วย s?

end in s for example children well liked the singular nouns we just add

เช่น Children (เด็ก)

ก็เหมือนกับคำนามเอกพจน์ เพียงแค่เติม 's

apostrophe s so the children's clothing is to your left or the women's party is

ก็จะได้ the children's clothing is to your left. (เสื้อผ้าของเด็กๆอยู่ท้ายซ้ายของคุณ)

หรือ the women's party is starting.(ปาร์ตี้ของสาวๆกำลังจะเริ่ม)

starting now these examples are less complicated because the plural and

ตัวอย่างของคำนามพวกนี้ไม่ค่อยซับซ้อนเพราะรูปพหูพจน์

singular version of those nouns sound different on their own but if you had a

กับเอกพจน์นั้น

มีเสียงที่แตกต่างกันอยู่แล้ว

noun like sheep you have one sheep two sheep well it gets a bit more

แต่ถ้าคุณมีึคำนามแบบ sheep เราก็ใช้ one sheep

two sheep ก็จะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย

complicated because as we explained in the last example it sounds the same okay

เพราะเหมือนที่เราอธิบายไปในตัวอย่างที่แล้ว

ว่าเสียงมันเหมือนกัน

so we've cleared up where to use apostrophe and where to use apostrophe s

โอเค ตอนนี้เราก็เคลียร์เรื่องตอนไหนจะใช้ apostrophe

และตอนไหนจะใช้ 's กันแล้ว

and the general consensus is add apostrophe s to everything apart from

ก็จำง่ายๆคือเติม ’s ทุกกรณี

ยกเว้นคำนามพหูพจน์ทั่วไปที่ลงท้ายด้วย S

regular plural nouns that end in s and for those we just add the apostrophe one

สำหรับคำนามพวกนั้นเราเติมเพียง '

important thing to note is that sometimes that second noun isn't

มีหนึ่งสิ่งที่เราต้องเน้นคือบางครั้ง

การกล่าวซ้ำคำนามเป็นครั้งที่ 2 นั้นไม่จำเป็น

necessary you don't have to repeat yourself for example my house is smaller

เราไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำ

เช่น my house is smaller than my parents' house. (บ้านของฉันเล็กกว่าบ้านของพ่อแม่)

than my parents house I could just say my house is smaller than my parents the

เราสามารถพูดแค่ my house is smaller than my parents'.

ซึ่งความหมายนั้นชัดเจน

meaning is clear I'm not trying to say that my house is smaller in size that my

เราไม่ได้กำลังจะเปรียบขนาดของบ้านว่าเล็กกว่า

ขนาดของพ่อแม่

parents are in size I'm trying to say that my house is smaller

เรากำลังพยายามจะพูดว่าบ้านของฉันนั้นเล็กกว่า

my parents house which is bigger the meaning is more or less clear so we

บ้านของพ่อแม่ (ซึ่งใหญ่กว่า)

ความหมายนั้นชัดเจนอยู่แล้ว(ไม่มากก็น้อย) ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้อง

don't have to repeat ourselves with that second house now what happens if one

กล่าวคำนาม(house)ซ้ำ

แล้วทีนี้จะเกิดอะไรขึ้นถ้าวัตถุมีสิ่งเดียวแต่มีเจ้าของมากกว่า 1

object has more than one owner what if Ali and I were to buy a cat

ถ้าฉันกับ Aly ซื้อแมวด้วยกัน

together would it be Lucy's and Ali's cat or Lucy and Ali's cat well if we are

เราควรจะพูดว่า Lucy's and Aly's cat

หรือ Lucy and Aly's cat

ก็ ถ้าเราทั้งคู่ต่างเป็นเจ้าของ เราก็จะพูดว่า

both the owner it would be Lucy and Ali's cat because the last person in the

Lucy and Aly's cat โดยให้คำนามสุดท้าย

list takes the possessive form however if they are similar items that are owned

แสดงความเป็นเจ้าของ

อย่างไรก็ตาม ถ้ามีของมากกว่า 1 ชิ้นแต่คล้ายกัน

ซึ่งต่างคนต่างเป็นเจ้าของ เช่น ฉันมีแมว และ Aly ก็มีแมว

individually say I have a cat and Ali has a cat it would be Lucy's and Ali's

เราจะพูดว่า Lucy's and Aly's cats

cats I have cats Ali has cats Lucy's and Ali's cats okay

I have cats, Aly has cats; Lucy's and Aly's cats.

so that section on the possessive case should now be clear if it's still not

โอเค จบพาร์ทกรณ๊แสดงความเป็นเจ้าของ

ซึ่งต้องนี้น่าจะเคลียร์แล้ว

ถ้ายังไม่เข้าใจก็สามารถย้อนกลับไปดูอีกครั้งได้

clear you can re-watch the section and then go on to comment any doubts you

และก็โพสต์คอมเมนต์ข้อสงสัยของคุณลองใน

have in the comments below and I will try and help but I also really encourage

ช่องคอมเมนต์ด้านล่าง และลูซี่จะพยามยามช่วย

และลูซี่ก็สนับสนุนให้พวกคุณช่วยเหลือด้วยกันเองเช่นกัน

you to help out each other as well now let's talk about apostrophes with verb

ต่อมาเราจะมาพูดเรื่องการใช้ apostrophes ในการย่อคำนาม

contractions I have got five of the most common situations in which verb

ลูซี่มีสถานการณ์ที่ใช้งานบ่อยอยู่ 5 สถานการณ์

ซึ่งคำกริยานั้นใช้ apostrophes

contractions are used with apostrophes so an apostrophe in a verb contraction

โดยพื้นฐานแล้ว apostrophes ในการย่อคำ

basically shows missing letters for example I am I'm that apostrophe is

จะแสดงถึงอักษรที่หายไป

เช่น I am, I'm.

apostrophe ตัวนี้แทนที่ตัว A กับช่องว่างที่ตัดไป

showing that missing a and the space it also gives you an indication on

มันยังช่วยบ่งบอกถึงวิธีการอ่านอีกด้วย

pronunciation example number one verbs plus not for example do not don't cannot

เช่น อันที่ 1 คำกริยา + not

เช่น do not, don't.

can't could not couldn't should not shouldn't the second example pronouns

Cannot, can't.

Could not, couldn't.

Should not, shouldn't.

ตัวอย่างที่ 2 คือ คำสรรพนาม + will

and will I will I'll she will she'll they will Vale the third one and this

I will, I'll.

She will, she'll.

They will, they'll.

อันที่สาม อันนี้ค่อนข้าง

one can be slightly more complicated pronouns and nouns with to be

จะซับซ้อนขึ้นคือ คำสรรพนาม และคำนาม + to be (Verb to be)

for example I am I'm you are your will is wills so if you look at

เช่น I am, I'm.

You are, you're.

Will is, Will's.

ถ้าเรามาดูแค่คำว่า Will's มันก็แสดงได้ทั้ง

wills on its own it could be showing the possessive case or it could be showing a

ความเป็นเจ้าของ หรือไม่ก็การย่อคำ

contraction of the verb to be wills watching television

ของ verb to be

Will's watching television.(วิลกำลังดูทีวี)

it is wills television one of them is will plus to be and the other one is

It is Will's television.(นั่นคือทีวีของวิล)

อันนึงคือ Will + to be แต่อีก ส่วนอีกอันแสดงว่า

showing that the television is the television of will it is wills

ทีวีนั้นเป็นของวิล

It is Will's television.

television one thing to note is with who who's with the apostrophe is who is who

สิ่งหนึ่งที่อยากจะเน้นย้ำคือ who ที่เติม 's

คือ who is (who + verb to be)

plus to be who's there who's spelt WH o s e is the possessive form whose bag is

Who's there? (ใครอยู่ตรงนั้น)

Whose สะกดด้วย W-H-O-S-E เป็นรูปแสดงความเป็นเข้าของ

Whose bag is this? (นี่เป็นกระเป๋าของใคร)

this it's very important to remember that especially when you're writing in

นี่เป็นสิ่งที่คุณต้องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะ

exams it's an incredibly common mistake

เมื่อคุณกำลังทำข้อสอบ

มันเป็นข้อผิดพลาดที่พบได้บ่อยอย่างน่าเหลือเชื่อ

especially amongst native speakers I have absolutely made the mistake in the

โดยเฉพาะกับผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่ 1 เอง

ลูซี่เองก็ใช้ผิดในอดีต

past but I'm really going to try and not make the mistake in the future number

แต่ตอนนี้กำลังพยายามที่จะไม่

ใช้ผิดอีกในอนาคต

four is pronouns plus the verb to have I have I've she has she's so she's could

อันที่ คำสรรพนาม + verb to have

I have, I've.

She has, she's.

she's เป็นได้ทั้ง she is และ she has

be she is or she has you have to look at the context note though it would not be

คุณจะต้องดูบริบทดีๆ

ข้อสังเกตุ คำนี้จะไม่มีทางใช้สับสนกับกรณีของการแสดงความเป็นเจ้าของ

confused with the possessive because the possessive would be hers the last one

เพราะรูปการแสดงความเป็นเจ้าของคือ hers

number five pronouns plus wood or hat for example I had I'd now we would use

และสุดท้าย อันที่ 5 คำสรรพนาม + would หรือ had

เช่น I had, I'd.

เราจะใช้คำนี้ในกรณีเช่น I'd better go. (ฉันไปตีกว่า had ไม่ใช่กริยาหลัก)

this in situations like I'd better go I had better go we wouldn't say I'd a dog

I had better go.

เราจะไม่ใช้กับประโยค I'd a dog when I was 12.

when I was 12 I had a dog when I was 12 and then with would I would do that I do

ซึ่งหมายถึง I had a dog when I was 12. (ฉันเคยมีหมาเมื่อตอนอายุ 12)

และต่อมากับ would, I would do that (ฉันน่าจะทำอย่างนั้น)

that in everyday conversation the apostrophe D can be used with nouns like

ย่อเป็น I'd do that

ในการสนทนาในชีวิตประจำวัน 'd สามารถใช้ได้กับ

คำนามเช่น oh, mum'd love that.

Oh Mahmoud love that mum would love that or Sophia eat that Sophie would eat that

Mum would love that. (แม่น่าจะชอบนะ)

หรือ Sophie'd eat that.

Sophie would eat that. (โซฟีคงกินมัน)

so those are the five most common contractions now

ก็ ทั้งหมดนั่นคือ 5 กรณีทั่วไปสำหรับการย่อคำ

เราจะมาพูดถึงอีก 3 กรณีอื่นสั้นๆ

just like to quickly cover three others that are not so common but still really

ซึ่งไม่ค่อยจะพบได้บ่อยแต่ก็สำคัญ

important and you will definitely come across them so the first situation is

และคุณจะต้องเข้าใจมัน

เริ่มจากสถานการณ์แรกเมื่อคุณพูดถึงปี

when we talk about years but we drop a couple of the numbers for example the

แต่เราย่อตัวเลขไปหลายตัว(2ตัวหน้า)

เช่น the summer of '69. (ฤดูร้อนของปี 69)

summer of 69 we know that we're talking about 1969 but we might just want to say

เรารู้ว่าเรากำลังพูดถึงปี 1969

แต่ก็อยากพูดสั้นๆแค่ 69

69 it's more common to use this when describing the 1900s the next situation

นี่เป็นกรณ๊ที่ใช้กันบ่อยสำหรับพูดถึงปีที่ขึ้นต้นด้วย 19

สถานการณ์ถัดไป เมื่อเราตัดคำบางคำออก

is where we drop the words of for example two o'clock originally it was of

เช่น two o'clock.

มาจากคำว่า of

or in the surname Donovan it would have likely been of Donovan originally the

หรือนามสกุล O'Donovan

มันมีแนวโน้มจะมาจากคำว่า of Donovan

last situation is to show pronunciation in dialogue for example come on could be

กรณีสุดท้ายคือเพื่อใช้แสดงการออกเสียงในบทสนทนา

เช่น come on สามารถถูกเปลี่ยนเป็น c'mon

changed to come on and we'd use an apostrophe in that to give guidance on

ซึ่งเราใช้ apostrophe เพื่อใบ้ว่า

how to pronounce it come on is different to come on isn't it right guys that is

คำๆนั้นอ่านอย่างไร

C'mon มันแตกต่างจาก come on ใช่ไหมหละ

นี่ก็เป็นบทเรียนไวยกรณ์ของลูซี่เกี่ยวกับ apostrophes ทั้งหมด

it for my grammar lesson on apostrophes I really hope you found it useful I

ลูซี่หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์สำหรับพวกคุณ

learnt a great deal putting it together don't forget to check out I talk e that

ลูซี่เองก็ได้เรียนรู้มากมายในการเรียนเรียงแต่ละกรณีเข้าด้วยกัน

ก็อย่าลืม Itaki

link is in the description box and also don't forget to connect with me on all

ลิงก์อยู่ใน description box

และก็อย่างลืม connect กับลูซี่

of my social media I've got my facebook my Instagram and my Twitter doing some

บน social media ทั้งหมดของลูซี่

ทั้ง Facebook Instagram และ Twitter

ลูซี่กำลังทำบางสิ่งที่น่าตื่นเต้นมามอบให้

really exciting giveaways so it's really worth following me on Instagram I'm not

ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่จะติดตามลูซี่บน Instagram

gonna say any more but there are some very exciting companies that are getting

ก็จะไม่พูดมากไปกว่านี้

แต่มันมีสิ่งที่น่าสนใจรออยู่ในนั้น

involved and will definitely help your English and I will see you soon for

เข้ามามีส่วนร่วมและนั่นจะช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษของคุณอย่างแน่นอน

พบกันใหม่ในบทเรียนถัดไป

another lesson

you