What Makes Someone Vote Against Their Political Party? | Sarah Longwell | TED

Translator: Natthapat Mardech Reviewer: Sakunphat Jirawuthitanant

Hi, guys!

ไง ทุกคน

I'm Sarah Longwell,

ฉันซาราห์ ลองเวลล์

and my favorite TV show is "Survivor."

และรายการทีวีสุดโปรดของฉันคือ “เซอร์ไวเวอร์”

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Now, you know this show,

พวกคุณคงรู้จักรายการนี้

it's the one where they take a bunch of people,

มันเกี่ยวกับการเอาคนกลุ่มหนึ่ง

put them on a desert island,

ไปอยู่ร่วมกันในเกาะร้าง

they make them make fire and, like, houses,

ให้พวกเขาช่วยกันก่อกองไฟ สร้างบ้าน

or, like, a shelter.

สร้างที่หลบภัย

And they make them a tribe.

ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนชนเผ่า

And then, every week, they vote somebody out of the tribe.

และในทุก ๆ สัปดาห์ พวกเขา จะโหวตคนคนหนึ่งออกจากเผ่า

This show's been on for, like, 45 seasons.

รายการนี้มีมายาว ๆ ราวกับมีมาแล้ว 45 ซีซัน

There's versions of it in 50 different countries.

และยังมีเวอร์ชันต่าง ๆ ในอีก 50 ประเทศ

And I think the reason that this show is so popular and enduring

ฉันคิดว่าเหตุผลที่รายการนี้ ได้รับความนิยมและยืนระยะมาได้นานขนาดนี้

is because we can all really relate to that anxiety

เพราะพวกเราต่างล้วนเข้าใจ กับความรู้สึกวิตกกังวล

of being rejected by our tribe.

ของการที่ต้องถูก ปฏิเสธจากชนเผ่าของเราเอง

Now, social scientists, anthropologists, people who study people,

ตอนนี้ นักสังคมศาสตร์ นักมานุษยวิทยา คนที่ศึกษาเรื่องของผู้คน

they will tell us that there is nothing more traumatic for a human

จะบอกเราว่าไม่มีอะไรที่ สร้างบาดแผลในใจให้กับมนุษย์

than getting kicked out of their tribe.

ได้มากเท่ากับการถูกขับออกจากเผ่าของตนเอง

We all want to fit in,

เราอยากที่จะเป็นส่วนหนึ่ง

we all crave community and belonging.

เราล้วนโหยหาสังคม และการได้เป็นส่วนหนึ่งในนั้น

We've had tribal instincts for as long as we've been around.

เรามีสัญชาติญาณชนเผ่า ที่อยู่ในตัวเรามาอย่างยาวนาน

Right? Humans have.

ใช่ไหม มนุษย์ทุกคนมีหมด

It's hardwired in there,

มันฝังรากลึก

as part of our survival instincts,

เป็นส่วนหนึ่งของ สัญชาติญาณในการเอาชีวิตรอด

so we don't get eaten by lions or bears.

เราจะได้ไม่โดนสิงโตหรือหมีจับกิน

And right now, our politics is defined by partisan tribalism.

และตอนนี้ การเมืองของเราถูกกำหนดด้วย ลัทธิการเมืองแบบแบ่งพรรคแบ่งชนเผ่า

Now, the nice people at TED ...

ทีนี้ พอทีมงานที่น่ารักของ TED

when they asked me to give this talk,

ได้มาขอให้ฉันขึ้นพูดในครั้งนี้

they gave me the topic "Democracy over party,"

พวกเขาให้หัวข้อมาว่า “ประชาธิปไตยต้องมาก่อนพรรค”

which essentially means asking people to go against their tribe.

ซึ่งโดยเนื้อแท้แล้วหมายถึง การขอให้คนต่อต้านชนเผ่าตัวเอง

And I rejected this topic, at first -- I didn't want to do it,

ในตอนแรกฉันจึงปฏิเสธหัวข้อนี้ ฉันไม่อยากจะพูดเรื่องนี้เลย

because I've listened to thousands of American voters,

เพราะฉันได้ฟังเสียงของ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอเมริกันนับพัน

and I know that they don't feel nearly the connection to democracy

และฉันรู้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงสายใย อันใกล้ชิดกับระบอบประชาธิปไตย

that they do to their political team,

แต่พวกเขารู้สึกถึงสายใย เหล่านั้นกับพรรคการเมือง

their partisan tribe.

ชนเผ่าของพวกเขา

In fact, in America, most voters don't think about democracy at all.

อันที่จริง ในอเมริกา ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ส่วนใหญ่ไม่ได้คิดถึงประชาธิปไตยเลยสักนิด

I learned this one the hard way, back in 2018.

ฉันเรียนรู้เรื่องนี้แบบเต็มตา ในช่วงปี 2018

I was just your average, traditional lesbian Republican ...

ตอนนั้นฉันเป็นแค่เลสเบี้ยน ผู้เลือกพรรครีพับลิกันสายดั้งเดิม

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

And I was super alarmed

และฉันรู้สึกตื่นตระหนกมาก ๆ

by what Donald Trump was doing to my party.

เมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาที่พรรคของฉัน

And so I thought somebody should primary him.

ฉันเลยคิดว่าต้องมีใครสักคน ลงสมัครการเลือกตั้งชั้นต้น

And so I was running around,

ฉันเลยวิ่งว่อนไปทั่ว

talking to a governor and some congressmen,

ไปคุยกับผู้ว่าบ้าง สมาชิกสภาคองเกรสบ้าง

some other people,

คนนั่นคนนี้บ้าง

and I was like, "You've got to primary this guy."

ฉันบอกพวกเขาว่า “คุณต้องลงสมัครสู้กับเขานะ”

But they all wanted to know one thing:

แต่พวกเขาต้องการจะรู้อย่างเดียว

if they ran a primary against Trump, could they win?

ถ้าพวกเขาลงสมัครสู้กับทรัมป์

พวกเขาจะชนะไหม

So I started doing a bunch of polling and focus groups

ฉันเลยเริ่มทำ แบบสอบถามและกลุ่มวิจัย

so I could go make the case, to these potential candidates,

ฉันจะได้เอามาผลสำรวจยืนยัน ให้เหล่าผู้สมัครตัวเต็งเหล่านี้

that, of course, Republicans wanted an alternative to Trump.

ว่านี่ไง ฐานเสียงรีพับลิกัน เขาอยากได้ผู้สมัครคนอื่นมากกว่าทรัมป์

Of course they thought that he was a threat to democracy.

นี่ไง พวกเขาคิดว่าทรัมป์ เป็นภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตย

Of course they were up for putting democracy over party.

นี่ไง พวกเขาจะลงคะแนนเสียง โดยคำนึงถึงประชาธิปไตยมากกว่าพรรค

Nope.

ไม่จริงจ้า

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

Not at all.

ไม่จริงเลย

They liked Trump fine.

พวกเขาชอบทรัมป์กันนะ

They thought he was funny,

พวกเขาคิดว่าทรัมป์ก็ตลกดี

they thought he was a good businessman,

คิดว่าทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่เก่ง

they liked it that he “told it like it was”

พวกเขาชอบตรงที่ทรัมป์ “เห็นอย่างไรก็พูดอย่างนั้น”

and that he wasn't a regular politician.

และเขายังไม่ใช่นักการเมืองแบบทั่ว ๆ ไป

And I was so startled by how immune these voters seemed

และฉันเริ่มใจตกใจพอสมควร ว่าฐานเสียงเหล่านี้มีภูมิคุ้มกัน

to Trump's antidemocratic behavior

ต่อพฤติกรรมอันคุกคาม ประชาธิปไตยของทรัมป์ได้ไง

that I started doing focus groups all the time,

ฉันเลยเริ่มทำกลุ่มวิจัยอย่างต่อเนื่อง

because I was like, "I've got to figure out what is going on."

เพราะฉันคิดว่า “ฉันต้องหาสาเหตุให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

Polling is whatever,

ส่วนแบบสำรวจจะยังไงก็ได้

but the thing that I like about focus groups

แต่สิ่งที่ฉันชอบ เกี่ยวการทำกลุ่มวิจัย

is you learn as much from what voters don't say as what they do say.

คือการที่ฉันได้รู้ว่ากลุ่มฐานเสียง ไม่ได้พูดในสิ่งที่พวกเขาอยากจะพูด

I have never heard a voter say,

ฉันไม่เคยได้ยินพวกเขาพูดว่า

"Boy, I really like Trump, because he has authoritarian vibes."

“ฉันนี่โคตรชอบทรัมป์ แกให้ฟีลแบบเผด็จการ ๆ ดี”

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

They just don't care about the antidemocratic behavior,

พวกเขาไม่สนใจ พฤติกรรมที่คุกคามประชาธิปไตย

or they don't even clock that it's antidemocratic.

หรือไม่ได้รู้สึกสะดุดใจ ว่านั่นมันขัดกับหลักประชาธิปไตย

Trump praises dictators?

ทรัมป์นิยมพวกเผด็จการเหรอ?

OK.

โอเค

He hijacks American foreign policy for his own political purposes

เขาใช้นโยบายต่างประเทศของอเมริกา เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง

and gets impeached for it?

และจะถูกถอดถอนเพราะเหตุนั้น

They don't care.

พวกเขาไม่สนใจ

He uses the White House to enrich himself and his family?

เขาใช้ทำเนียบขาวในการ เสริมสร้างบารมีให้กับตัวเองและครอบครัว

Not worried about it.

ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลเลยสักนิด

Trump's a member of their tribe.

เพราะทรัมป์เป็นชนเผ่าเดียวกับพวกเขา

Right? So he gets the benefit of the doubt.

ใช่ไหม เขาเลยได้จุดนั้นไปเต็ม ๆ

Even Republican voters who didn't like Trump,

แม้แต่ฐานเสียงรีพับลิกันที่ไม่ชอบทรัมป์

even they still recoiled at direct attacks on him,

ยังคอยช่วยผ่อนหนักเป็นเบา เวลามีใครโจมตีมาที่เขาโดยตรง

especially if those attacks were coming from outside the tribe.

ยิ่งถ้าการโจมตีเหล่านั้น มาจากคนนอกชนเผ่าด้วยแล้ว

Right? They're coming from ...

ใช่ไหม เพราะมันมาจาก ...

"the deep state, the media, Democrats --

“พวกรัฐพันลึก พวกสื่อ พวกเดโมแครต

Never Trumpers like me.”

พวกที่ไม่เอาทรัมป์แบบฉัน”

So, primary is off the table, we're not doing that.

ดังนั้น การเลือกตั้งชั้นต้น ตัดทิ้งไปเลย เราจะไม่ทำงั้นแล้ว

So we had to figure out how to beat Trump in the general election.

เราจะต้องคิดให้ออกว่าจะ ชนะทรัมป์ได้ไงในการเลือกตั้งทั่วไป

And I knew that meant

และเรารู้ว่ามันหมายถึง

building the necessary permission structures

การสร้างโครงสร้างอันจำเป็น

to help disaffected Republicans break from their tribe

ที่จะช่วยให้ฐานเสียงรีพับลิกัน ที่กำลังไม่พอใจ สามารถแตกหักกับเผ่าตัวเอง

and vote against Trump.

และโหวตสู้กับทรัมป์ได้

That's how we were going to make the margins.

นั่นคือวิธีที่เราจะเพิ่มจำนวนเสียงได้มากพอ

And to do that, I knew we needed trusted messengers, right?

และในการจะทำอย่างนั้น เราจำเป็นต้องมี ผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือ ถูกไหม

Messengers that these folks trusted.

ผู้ส่งสารที่คนกลุ่มนี้จะไว้ใจได้

The problem was they didn't trust anybody.

เพราะปัญหาคือพวกเขาไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น

They didn't trust institutions or experts,

พวกเขาไม่ไว้ใจสถาบันหรือผู้เชี่ยวชาญใด ๆ

they didn't even trust Republican politicians.

พวกเขาไม่แม้แต่จะไว้ใจ นักการเมืองจากพรรครีพับลิกัน

But then, we had a little bit of a breakthrough.

แต่หลังจากที่เราทำการฝ่าฟันขวากหนามต่าง ๆ

So in the focus groups,

ในกลุ่มวิจัยหลายกลุ่ม

we started showing people video testimonials.

เราเริ่มเปิดวิดีโอสัมภาษณ์ให้คนดู

Little videos, just of regular people, Republicans,

เป็นวิดีโอสั้น ๆ เกี่ยวกับ ฐานเสียงของพรรครีพับลิกัน

talking about why they couldn't vote for Trump,

ให้สัมภาษณ์ว่าทำไม พวกเขาจะไม่โหวตให้ทรัมป์

again, in 2020.

อีกครั้งในปี 2020

And suddenly, people were listening.

ทันใดนั้น พวกเขาก็เริ่มตั้งใจฟัง

Because it turns out the one group they do trust ...

เพราะปรากฏว่า กลุ่มคนที่พวกเขาไว้ใจมากที่สุด

is people like them.

คือคนจำพวกเดียวกัน

Right?

ถูกไหม

Members of their tribe

สมาชิกของเผ่าพวกเขา

who don't claim any special knowledge or expertise.

พวกที่ไม่ได้มาอวดอ้าง ความรู้หรือความชำนาญพิเศษ

So once we realized this,

เมื่อเราตระหนักได้

we started asking Republicans who didn't want to vote for Trump in 2020

เราจึงเริ่มสัมภาษณ์ฐานเสียงรีพับลิกัน ที่ไม่ต้องการจะโหวตให้ทรัมป์อีกในปี 2020

to send us their stories, to send us more of these videos.

เพื่อจะส่งเรื่องราวของพวกเขาสู่เรา และส่งวิดีโอนี้มาให้เรามากขึ้น

God, it was easier, because it was the pandemic,

แล้วมันง่ายเหลือเกิน เพราะตอนนั้นเกิดโรคระบาด

and so lots of people, they'd make the videos on their phone.

และคนส่วนใหญ่สามารถ ถ่ายวิดีโอด้วยโทรศัพท์ของพวกเขาได้

But actually, it was really hard, at first.

แต่จริง ๆ แล้ว มันยากมากในตอนแรก

People were nervous

คนส่วนใหญ่ประหม่า

about saying they weren't going to vote for Trump publicly.

เมื่อจะต้องพูดในที่สาธารณะว่า พวกเขาจะไม่ไปโหวตทรัมป์

They didn't want their neighbors to find out,

พวกเขาไม่ต้องการให้เพื่อนบ้านรู้

they didn't want their spouse to find out,

ไม่อยากให้สามีหรือภรรยาตัวเองทราบ

they didn't want their parents to find out,

ไม่อยากให้พ่อแม่ของตัวเองทราบ

because that's what tribalism does, right?

เพราะนั้นคือการทำงานของชนเผ่านิยม ใช่ไหม

It makes us afraid to go against our tribe.

มันทำให้เรากลัวที่จะต่อต้านเผ่าของตัวเอง

So we fought really hard, scrapped, for the first 100.

เราสู้มาอย่างหนัก กระเทาะเซาะแก่น เพื่อที่จะได้ 100 คนแรก

But once we had the first 100, we knew we had a new tribe.

แต่เมื่อเราได้ 100 คนแล้ว เราเลยรู้ว่าเราได้ชนเผ่าใหม่แล้ว

We called it "Republican Voters Against Trump."

ชนเผ่าที่ชื่อ “ฐานเสียงรีพับลิกันที่ไม่เอาทรัมป์”

People could maintain their Republican identity.

ทุกคนยังเก็บอัตลักษณ์ ความเป็นรีพับลิกันของตัวเองได้

So once we launched Republican Voters Against Trump,

เมื่อเราปล่อยแคมเปญ ฐานเสียงรีพับลิกันที่ไม่เอาทรัมป์

went public with it,

ออกสู่สาธารณะ

all of a sudden, testimonials came flooding in, unsolicited,

ทันใดนั้น คำชมเชยจึงแห่มาจาก ทั่วสารทิศ มาเองแบบไม่มีใครขอ

because there were lots of people who felt this way.

เพราะว่ามีคนจำนวนมากที่รู้สึกแบบนี้

They just needed a tribe to attach to,

พวกเขาแค่ต้องการเผ่าที่ให้เขาอยู่ร่วมได้

to feel safe, to feel secure.

เพื่อจะรู้สึกปลอดภัย เพื่อที่จะรู้สึกมั่นคง

There is a reason the phrase "safety in numbers" is a cliché.

มันมีเหตุผลที่ทำไมวลี “หลายหัวดีกว่าหัวเดียว” ถึงคลาสสิค

But here's the thing.

แต่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้

None of these testimonials mentioned democracy.

ไม่มีคำชมเชยใด ๆ เลย ที่กล่าวถึงประชาธิปไตย

Instead,

กลับกัน

they talked about why they became Republicans in the first place.

พวกเขากลับพูดว่าทำไมพวกเขา ถึงมาเป็นฐานเสียงรีพับลิกันในตอนแรก

What their values were.

คุณค่าของมันคืออะไร

And why those values meant they couldn't vote for Donald Trump.

แล้วทำไมคุณค่าเหล่านั้นจึงทำให้ พวกเขาไม่โหวตให้โดนัลด์ ทรัมป์

They also talked a lot about how painful it was going to be

พวกเขายังพูดไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ว่าพวกเขาเจ็บปวดแค่ไหน

to vote for Democrats.

ที่ต้องโหวตให้พรรคเดโมแครต

They really didn't want to do that.

พวกเขาไม่อยากจะทำอย่างนั้นเลย

But they did.

แต่พวกเขาก็ทำ

But none of them said

แต่ไม่มีใครสักคนพูดว่า

that they were doing it to put democracy over party.

สิ่งที่พวกเขาทำคือการเลือก ประชาธิปไตยมากกว่าพรรค

But that's exactly what they did,

แต่นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาทำอยู่

when they broke from their tribe

เมื่อพวกเขาแตกหักกับเผ่าตัวเอง

and voted against a president who was a threat to democracy.

และโหวตสู้กับประธานาธิบดี ที่เป็นภัยต่อระบอบประชาธิปไตย

Now I know you're thinking,

ฉันรู้ตอนนี้คุณคิดอะไรอยู่

"OK, Sarah, but that's 2020. What about 2022?

“โอเค ซาราห์ แต่นั่นมันตอนปี 2020 แล้วตอนปี 2022 ละ

After the attack on the Capitol,

หลังจากการบุกรัฐสภา

and when there are a bunch of Republican candidates

แล้วมีผู้สมัครพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่ง

running on platforms

แสดงความเห็นบนโซเชียล

saying that the election was stolen?"

บอกว่าการเลือกตั้งถูกขโมย”

Not really.

ไม่ใช่เลย

Some Democrats talked about democracy,

เดโมแครตบางคนพูดถึงประชาธิปไตย

but swing voters,

แต่กลุ่มสวิงโหวต

the ones that were going to make up the margins,

กลุ่มที่สร้างความแตกต่างทางคะแนนได้

they never talked about democracy in the focus groups.

พวกเขาไม่เคยพูดถึง ประชาธิปไตยเลยตอนทำกลุ่มวิจัย

What they did talk about

สิ่งที่พวกเขาพูดถึง

was that they didn't want to vote for Republicans

คือการที่พวกเขาไม่อยากจะ โหวตให้กับพรรครีพับลิกัน

because they were too extreme.

เพราะว่าพวกเขาสุดโต่งเกินไป

Mainly on abortion.

โดยเฉพาะเรื่องทำแท้ง

They didn't think they were a threat to democracy.

พวกเขาไม่ได้คิดว่า พรรครีพับลิกันเป็นภัยต่อประชาธิปไตย

They just thought they were nuts.

พวกเขาแค่คิดว่าคนพวกนี้มันบ้า

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But here's the thing.

แต่ประเด็นก็คือ

Just because voters don’t talk about democracy

เพียงแค่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่พูดถึงประชาธิปไตยเลย

doesn't mean they don't understand and value democracy.

ไม่ได้หมายความว่าพวกเขา ไม่เข้าใจคุณค่าของประชาธิปไตย

It's just that, in America,

มันเป็นอย่างนั้น ในอเมริกา

democracy's like the air we breathe, right?

ประชาธิปไตยก็เหมือน อากาศที่เราสูด ใช่ไหม

It's just that thing we do here.

ที่นี่เราอยู่กันแบบนี้

And it's so ingrained in who we are

มันฝังลึกอยู่ในตัวตนของเรา

that it's really hard to see when it's under threat.

มันยากที่จะเห็นได้ด้วยตา ยิ่งในตอนที่ต้องเจอกับภัยคุกคาม

And that's why we can't just say "democracy"

และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำไม เราไม่สามารถแค่พูดคำว่า “ประชาธิปไตย”

and expect everybody's going to have a shared understanding of what that is

และคาดหวังให้ทุกคนมี ความเข้าใจร่วมกันว่ามันคืออะไร

and know what we're talking about.

และรู้ว่าเรากำลังพูดถึงอะไร

Right now, if you talked to a Republican, and you said,

ตอนนี้ ถ้าคุณลองไปคุยกับ ฐานเสียงพรรครีพับลิกันแล้วถามว่า

"What's the biggest threat to democracy?"

“อะไรคือภัยคุกคามประชาธิปไตยขั้นสุด”

they’d tell you, “Democrats, because they rigged the 2020 election.”

พวกเขาจะบอกคุณว่า “พรรคเดโมแครต เพราะพวกมันโกงการเลือกตั้งปี 2020”

If you talked to a Democrat

ถ้าไปคุยกับฐานเสียงเดโมแครต

and said, "What's the biggest threat to democracy?"

แล้วถามว่า “อะไรคือภัยคุกคามประชาธิปไตยขั้นสุด”

they'd tell you it's Republicans,

พวกเขาก็จะบอกว่าพวกรีพับลิกัน

because they attacked the Capitol

เพราะพวกเขาบุกรัฐสภา

and denied the election results in 2020.

และปฏิเสธการเลือกตั้งเมื่อปี 2020

But this doesn't mean we should stop talking about democracy.

แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเรา ควรจะเลิกคุยกันเกี่ยวกับประชาธิปไตย

On the contrary,

ในทางกลับกัน

we need to talk about democracy better.

เราต้องคุยกันเรื่อง ประชาธิปไตยให้ดีขึ้นกว่าเดิม

[If] we’re going to ask people to put democracy over party,

ถ้าเราจะขอให้คนเลือกประชาธิปไตยก่อนพรรค

then we better explain to people what democracy is and why it's good.

เราก็ต้องอธิบายได้ว่า ประชาธิปไตยคืออะไร มันดียังไง

Why the things that make up a liberal democracy --

ทำไมสิ่งที่ก่อร่าง สร้างเป็นประชาธิปไตยแบบเสรี

pluralism, free speech, the rule of law --

พหุนิยม เสรีภาพทางการพูด หลักนิติธรรม

why those things underpin a free society

ทำไมสิ่งเหล่านั้น จึงเป็นรากฐานของสังคมที่เสรี

and make us who we are.

แล้วทำให้เราเป็นเราในทุกวันนี้

Because if we can tell a better story about democracy,

เพราะถ้าหากเราสามารถ เล่าเรื่องประชาธิปไตยให้ดีกว่าเดิมได้

we can tell a better story about America,

เราก็สามารถเล่าเรื่อง ของอเมริกาให้ดีกว่าเดิมได้ด้วย

where our politics isn't zero-sum, right?

ที่ที่การเมืองของเรา ไม่ใช่เรื่องของผู้แพ้ ผู้ชนะ ใช่ไหม

I win means you lose.

ฉันชนะ คุณแพ้

Because the big tribe that is America,

เพราะว่าชนเผ่าที่ใหญ่ที่สุด คือประเทศอเมริกา

the big tribe that's predicated on our democratic values,

ชนเผ่าที่ดำรงอยู่ได้ ด้วยคุณค่าประชาธิปไตยที่เรามี

that tribe is big enough and strong enough,

เผ่านี้มันใหญ่มากพอ และแข็งแกร่งมากพอ

expansive enough,

กว้างใหญ่มากพอ

to hold all the other little tribes inside of it,

ที่จะหลอมรวมทุกคน จากเผ่าเล็กเผ่าน้อยรวมเข้าไว้ด้วยกัน

from your progressive Bernie Bros

ตั้งแต่เหล่าสหายเบอร์นีหัวก้าวหน้า

to your evangelical Christians

จนถึงคริสเตียนสายอีวานเจลิคัล

to your basic lesbian Republicans.

จนไปถึงเลสเบี้ยนรีพับลิกันธรรมดา ๆ

(Laughter)

(เสียงหัวเราะ)

But we've got to attach people to that bigger tribe.

แต่เราต้องดึงผูู้คนเข้ามา สู่เผ่าที่ใหญ่ยิ่งกว่า

I don't have to tell you,

ฉันคงไม่จำเป็นต้องบอก

we're in a very precarious moment for American democracy.

ว่าเราอยู่ในจุดที่ประชาธิปไตย ของอเมริกากำลังเปราะบางสุด ๆ

And if democracy can't hold in America,

และถ้าประชาธิปไตยไปไม่รอดในอเมริกา

it's going to make it a lot harder

มันจะยิ่งยากขึ้นไปอีก

for democracy to survive in other countries.

ที่ประชาธิปไตยจะ อยู่รอดได้ในประเทศอื่น ๆ

But we are not going to stave off

แต่เราจะไม่กำจัด

this dangerous version of the Republican Party

พรรครีพับลิกัน ในเวอร์ชันที่ร้ายกาจเช่นนี้

by telling people to put democracy over party.

ด้วยการไปบอกคนอื่น ๆ ว่าให้เอาประชาธิปไตยมาก่อนพรรค

We're going to do it by winning elections.

เราจะทำมันผ่านการชนะเลือกตั้ง

We're going to do it

เราจะต้องชนะ

the same way we built Republican Voters Against Trump,

วิธีเดียวกันกับที่เราสร้าง ฐานเสียงรีพับลิกันที่ไม่เอาทรัมป์

by building a dominant political coalition

โดยการสร้างแนวร่วมทางการเมืองทีมีพลังมากพอ

using permission structures and trusted messengers.

ใช้โครงสร้างที่เอื้อต่อพวกเขา และผู้ส่งสารที่น่าเชื่อถือ

I focus on the center-right,

ฉันให้ความสำคัญกับกลุ่มกลางขวา

lots of people focus on other margins,

หลายคนให้ความสำคัญกับกลุ่มอื่น ๆ

but we’re going to have to claw for every margin.

แต่เราจะต้องคว้าเอา ทุกกลุ่มเข้ามาไว้ให้ได้

Because if we can win right now, in the short term ...

เพราะถ้าหากเราชนะตอนนี้ ในระยะสั้น

then in the long term,

จากนั้นในระยะยาว

we can set about telling this better story about democracy.

เราจะสามารถสร้างการส่งต่อ เรื่องราวเกี่ยวกับประชาธิปไตยที่ดีขึ้นได้

Because here's the good news.

เพราะว่าข่าวก็ดีก็คือ

The fact that voters don't think much about democracy

การที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ไม่สนใจเรื่องประชาธิปไตยเท่าไรนัก

is actually our greatest opportunity.

เป็นโอกาสที่ดีมาก ๆ ของพวกเรา

It means that we have the chance,

มันหมายความว่าเรามีโอกาส

those of us who are trying to defend democracy around the world,

พวกเราหลาย ๆ คนที่กำลัง ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั่วโลก

it means that we have the chance

มันหมายความว่าเรามีโอกาส

to rekindle the love of democracy for a new generation.

ที่จะจุดไฟแห่งความรักในประชาธิปไตย ขึ้นมาอีกครั้งสำหรับคนรุ่นใหม่ ๆ

And if we can do that,

และถ้าเราทำได้

we won't have to ask them to put democracy over party.

เราจะไม่ต้องมาขอร้องให้พวกเขา เอาประชาธิปไตยมาก่อนพรรค

Thanks.

ขอบคุณค่ะ

(Cheers and applause)

(เสียงชื่นชมและปรบมือ)